องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council: HKTDC) ประกาศจัดอีเวนต์ใหญ่ระดับซิกเนเจอร์ “Think Business, Think Hong Kong (TBTHK)” ที่กรุงเทพมหานคร งานครั้งนี้นับเป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ให้เหล่าสมาชิกทั่วแวดวงการค้าไทยมารับทราบถึงความยอดเยี่ยมของฮ่องกงในฐานะประตูสู่ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ตลอดจนไปถึงตลาดระดับนานาชาติ

เนื่องจากฮ่องกงและประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้าอันแน่นแฟ้นเสมอมา ผู้จัดแสดงจากฮ่องกงกว่า 100 ราย อาทิ AEC, AEL, Farm66, DPM, Gui Ling Yuan Fang, Memorigin และอื่นๆ อีกมากมาย จะมานำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยม และเปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมที่น่าตื่นตา ในงานจัดแสดงสินค้าครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นโอกาสอันดีที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจต่างๆ ในฮ่องกงนำผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม ที่เน้นหนักในการตอบโจทย์กระแสนิยมใหม่ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มานำเสนอให้ลูกค้าในตลาดระดับภูมิภาคได้รู้จักกัน ในขณะเดียวกัน บริษัทต่างๆ ของไทยก็จะสามารถพบปะกับผู้ที่มีโอกาสเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของตน อีกทั้งค้นพบห่วงโซ่อุปทานสำหรับการร่วมมือกันทางธุรกิจได้อีกด้วย

บริการให้คำปรึกษาด้านอาคารสีเขียวและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม, สังคมและธรรมาภิบาล(Environmental, Social and Good Governance: ESG)

กลุ่มบริษัท AEC (Allied Environmental Consultants) นั้น ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1994 โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในเรื่องการเงิน, การบริหารจัดการการลงทุน, การระดมทุนและอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นความยั่งยืนเป็นสำคัญ ทาง AEC มีความสนใจเป็นพิเศษที่จะนำเสนอบริการให้คำปรึกษาด้านอาคารสีเขียวและ ESG เนื่องจากเห็นว่าประเด็นดังกล่าว เป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างเน้นความสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งความต้องการในท้องตลาดด้านโซลูชันเพื่อความยั่งยืนด้านต่างๆ นั้นก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

“โดยเฉพาะในกรณีประเทศไทย มีรายงานว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีความก้าวหน้าด้าน ESG ในระดับที่น่าทึ่งทีเดียว ทั้งนี้ รายงานหัวข้อ ‘รายงานประเมินผลกระทบด้าน ESG: THSI 2022’ ที่จัดทำโดย SET และแพลตฟอร์มข้อมูล ESG นับว่ามีส่วนช่วยผลักดันให้เกิดวิธีปฏิบัติทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ทางเราเห็นว่าโอกาสทางการตลาดในเรื่องความยั่งยืนนั้นเต็มไปด้วยความหวัง” โฆษกของ AEC กล่าว

ทางโฆษกของบริษัทได้กล่าวต่อไปว่างาน TBTHK เป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยให้ AEC เชื่อมความสัมพันธ์กับผู้ที่มีโอกาสมาเป็นลูกค้าซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้สำเร็จ โดยใน ค.ศ. 2022 ทาง AEC ได้จัดตั้งสำนักงานใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อใช้เป็นจุดศูนย์กลางเชิงยุทธศาสตร์สำหรับตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสสำคัญในการสร้างลูกค้าใหม่และส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนภายในห่วงโซ่อุปทาน

“พวกเรายังเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดประเทศไทย และนี่นับเป็นครั้งแรกที่เราได้รับเกียรติเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้ารายการนี้ ที่จริงแล้ว ทางเราได้ดำเนินการขยับขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทยใน ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา การร่วมมือต่างๆ นั้นล้วนเริ่มต้นด้วยความเข้าใจและการสื่อสารกัน เราประสงค์เป็นอย่างยิ่งที่จะขยายเครือข่ายที่มีมายังประเทศไทย เพื่อให้สามารถเรียนรู้วิธีปฏิบัติต่างๆ ของที่นี่ นั่นจะส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญของเราสามารถมอบบริการชั้นเยี่ยมให้ลูกค้าในประเทศไทย และนำพาพวกเขาให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้สำเร็จ” โฆษกของบริษัทกล่าวสรุป

โซลูชันกะทัดรัด ขจัดขยะอาหารเหลือทิ้ง

บริษัท AEL (International Holdings) Limited เป็นผู้เชี่ยวชาญโซลูชันแบบพร้อมใช้งานทันที (turn-key) ด้านการบำบัดขยะอาหาร ด้วยการแปลงสภาพขยะเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังงานหมุนเวียน ยูนิตขนาดจิ๋วสำหรับใช้ดำเนินการบำบัดขยะอาหารขั้นต้นนั้น จะมีขนาดเท่ากับตู้คอนเทนเนอร์เพียงสองตู้เท่านั้น และสามารถแปลงสภาพขยะอาหารให้กลายเป็นพลังงานหมุนเวียนได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือยูนิตขนาดกะทัดรัด แต่พลังสูงและใช้งานได้ง่าย ช่วยให้กระบวนการขนส่งเป็นไปได้อย่างเรียบง่ายในราคาที่ถูกยิ่งกว่าเดิม

Jude Chow ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุด(CEO) ของบริษัทได้เล่าว่า เมื่อครั้งที่บริษัทเริ่มกิจการนั้น พวกเขาได้พยายามแสวงหาบริษัทที่มีเทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน แต่ก็ไม่พบเทคโนโลยีดังกล่าวที่ใดบนโลกเลย “ต่อมา พวกเราจึงร่วมมือกับองค์การสภาเพื่อผลิตภาพแห่งฮ่องกง (Hong Kong Productivity Council) และมหาวิทยาลัย City University of Hong Kong เพื่อพัฒนาโซลูชันนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง จนสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ชนะรางวัลระดับนานาชาติมาแล้วมากมาย ในตลาดโลกนั้น มีโซลูชันที่ขนาดเล็กและไม่ซับซ้อนเช่นเดียวกับเราไม่มากนัก นอกจากนี้ เรายังสามารถผลิตพลังงานได้มากกว่าเทคโนโลยีที่คล้ายกันได้ถึง 50% เลยทีเดียว”

“เราให้ความสนใจในการขยายธุรกิจมายังประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ก่อนหน้านี้เราได้ศึกษาวิจัยข้อมูลมาจนทราบว่า ปัญหาเรื่องขยะอาหารในประเทศเหล่านี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่ฮ่องกงมาก โดยขยะเกือบทั้งหมดจะถูกกำจัดด้วยวิธีการนำไปถมดิน จนก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มสูงขึ้น เราเห็นว่านี่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีในยุคที่โลกให้ความสำคัญในการลดปริมาณการปล่อยสารคาร์บอน” คุณ Chow กล่าว

ในการเข้าร่วมงาน TBTHK ครั้งนี้ ทางบริษัทหวังว่าจะสามารถแนะนำเทคโนโลยีให้คนไทยรู้จักมากขึ้น อีกทั้งพบปะกับผู้ที่ให้ความสนใจในการเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย “เราได้เข้าพูดคุยกับเครือธุรกิจกลุ่มหนึ่งของไทย และรองประธานของพวกเขาจะมาพบกับเราในอีเวนต์นี้ด้วย มีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะลงนามในข้อตกลงตั้ง Joint Venture หลังจากนี้” เขากล่าวเสริม

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา เมื่อบริษัทจากฮ่องกงเข้าสู่ตลาดภูมิภาคเอเชียอย่างเช่นประเทศไทย และสิงคโปร์ บริษัทเหล่านี้จะถูกมองว่ามีความเป็นมืออาชีพสูงกว่าบริษัทภายในประเทศ อีกทั้งมีความสามารถในการจัดหาผลิตภัณฑ์ไฮเทคได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้บริษัทจากฮ่องกงได้รับความเชื่อมั่นยิ่งไปกว่าเดิมเสียอีก “นอกจากการจัดตั้ง Joint Venture ที่ไทยแล้ว เรายังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปที่สิงคโปร์อีกด้วย เพราะตลาดภายในประเทศมีความโปร่งใสสูง และทางรัฐบาลก็ให้การต้อนรับเทคโนโลยีชนิดใหม่เป็นอย่างดี ส่วนกระบวนการจัดซื้อจัดสร้างก็เป็นธรรมและโปร่งใสอีกด้วย เราจะสามารถเห็นได้ว่ามีโอกาสทางธุรกิจเกิดขึ้นมากมายจากการที่ภาครัฐได้กำหนดหน้าที่การแยกขยะไว้ในกฏระเบียบภายในประเทศ” เขากล่าวสรุป

ล้ำยุคด้วยการทำฟาร์มแนวตั้ง

Farm66 เป็นผู้นำในการทำฟาร์มกลางเมืองแบบ Aquaponics (ปลูกพืชควบคู่เลี้ยงปลา) มาเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษ ซึ่งนี่เป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ให้กับปัญหาที่พบเห็นในเกษตรกรรมตามรูปแบบดั้งเดิม เพราะเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมที่ใช้นั้น มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งปลอดการปนเปื้อนจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นโลหะหนัก, ยาฆ่าแมลง, ปุ๋ย, สภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรง ตลอดจนภัยทางธรรมชาติต่างๆ

“เทคโนโลยีปลูกพืชโดยไร้ดินของเราช่วยให้เกษตรกรสามารถปลูกผักผลไม้ในสภาพแวดล้อมที่อยู่ภายใต้การควบคุมโดยสมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์นอกอาคารแต่อย่างใด เมื่อนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์อัตโนมัติมาเสริมและเพิ่มขีดความสามารถด้าน IoT แล้ว เราก็จะสามารถสร้างผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างหลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงสมุนไพรจีนและสินค้าเกษตรพิเศษอย่างวาซาบิด้วย” Gordon Tam ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุด (CEO) ของ Farm66 กล่าว

เขาได้เสริมต่อไปว่า ด้วยการติดตั้งโมดูลคอนเทนเนอร์ (โครงสร้างสำหรับใช้ปลูกพืชในแนวตั้ง) ไว้ที่ประตูโรงแรมหรือที่ชั้นล่างของอาคารสำหรับอยู่อาศัย ผู้ปลูกพืชจะสามารถควบคุมการผลิตสินค้าทางเกษตรกรรมของตนได้ง่ายๆ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ นี่นับเป็นวิธีการที่ลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผักและผลไม้คงความสดยิ่งขึ้น

Farm66 ได้ประสบความสำเร็จในการออกโปรโมตเทคโนโลยีชนิดนี้ที่ฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ญี่ปุ่นและเขตซินเจียง “เรากระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะขยับขยายมายังตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่โลกทั้งใบกำลังประสบวิกฤติการณ์ด้านอาหารในตอนนี้ เทคโนโลยีของเราจะยิ่งเป็นประโยชน์ในสถานที่อย่างเช่นประเทศไทย ซึ่งมีโรงแรมหลายแห่งตามเกาะขนาดเล็กๆ ที่ประสบอุปสรรคในการเข้าถึงผักผลไม้ที่สดใหม่ แต่เมื่อมีเราช่วย โรงแรมเหล่านี้จะได้ผักสลัดไว้เสิร์ฟในบุฟเฟต์โดยที่ประหยัดค่าขนส่งและได้ผักที่สดกว่าเดิม’’ คุณ Tam อธิบาย

เขากล่าวต่อไปว่า “ทางบริษัทรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้พบกับตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรมการโรงแรมและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่งาน TBTHK เพื่อร่วมกันเสวนาถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือระหว่างกัน ไม่เพียงเท่านั้น เทคโนโลยีของเรายังมอบโอกาสที่ดี ให้แก่ผู้ที่สนใจการปลูกพืชสมุนไพรอีกด้วย’’ เขายังได้เปิดเผยรายละเอียดว่าทาง HKTDC ได้จัดช่วงการจับคู่ทางธุรกิจไว้หลายรอบด้วยกัน ดังนั้น เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบหุ้นส่วนทางธุรกิจที่เหมาะสมในประเทศไทย

เทคโนโลยีเครื่องนอนเพื่อความยั่งยืน

DPM ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 2014 ทางบริษัทมีความภาคภูมิใจในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเสริมการนอนหลับในระดับแนวหน้าของวงการ และในโอกาสนี้ ทาง DPM ก็พร้อมที่จะนำเสนอหมอน Pro™ และชุดเครื่องนอน More than Silk™ ให้ชาวไทยได้รู้จักกัน

คุณ Quentin Chan กรรมการบริหารของ DPM อธิบายว่าหมอน Pro™ ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรมาแล้วนั้น จะใช้ประโยชน์จากแอปควบคุมหมอนเพื่อวัดความโค้งของคอและความกว้างของไหล่ผู้นอน ข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ในการตั้งค่าสำหรับหมอนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกค้า การวัดข้อมูลดังกล่าวนี้จะให้ความรู้สึกทำนองเดียวกันกับแพทย์แผนจีนที่จับชีพจรผู้ป่วยเพื่อวินิจฉัยอาการและสั่งยา “นี่นับเป็นบริการที่ไม่เหมือนใครในระดับโลก ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งในฮ่องกง, ไต้หวันและสิงคโปร์ พวกเราเชื่อมั่นว่า จะมีตลาดสำหรับสินค้านี้เช่นเดียวกันในประเทศไทย”

เครื่องนอนชุด More than Silk™ เป็นอีกคอลเล็กชันหนึ่งที่ทาง DPM วางแผนจะนำมาจัดแสดงในงาน TBTHK ที่ประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ชุดนี้มีขีดความสามารถในการดูดซับความชื้นในระดับที่เหนือชั้น ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับประเทศไทยซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่ร้อนและชื้น “คนส่วนใหญ่จะเหงื่อออกระหว่างที่นอนหลับ แต่เครื่องนอนชุดนี้จะช่วยให้ผู้นอนตัวแห้งและรู้สึกสบาย ในประเทศฟิลิปปินส์ ผลิตภัณฑ์ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง และเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่ามันมีศักยภาพในการตีตลาดประเทศไทย เพราะ GDP ของไทยนั้นสูงเป็นสองเท่าของฟิลิปปินส์เลยทีเดียว”

ชาสมุนไพรระดับพรีเมียม เพื่อพลานามัยที่สมบูรณ์

Bebemona Yim มาจากครอบครัวที่สืบทอดกิจการขายชาสมุนไพรมายาวนานกว่าสามชั่วคน เธอได้ตั้งบริษัท Gui Ling Yuan Fang ขึ้นใน ค.ศ. 2010 และเปิดตัวชุดสินค้าชาชงสมุนไพรเมื่อสองปีก่อน ในงาน TBTHK ที่กำลังจะจัดขึ้นนี้ ผลิตภัณฑ์เด่นที่ทางบริษัทจะมานำเสนอก็คือชาสมุนไพรหล่อฮังก๊วยและชาบำรุงความงามแบบ all-in-one

“ด้วยอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทย ชาหล่อฮังก๊วยจึงเป็นเครื่องดื่มอันยอดเยี่ยมสำหรับบรรเทาความรู้สึกร้อนและเหนอะหนะ” คุณ Yim กล่าวเสริมว่าฐานลูกค้าในตลาดประเทศไทยนั้นมีความละเอียดอ่อน และต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง “ที่สำคัญ นับตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิดเป็นต้นมา ผู้คนก็ใส่ใจในสุขภาพยิ่งกว่าที่เคย ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในชุดชาสมุนไพรของเราทุกรายการนั้น จะเน้นไปที่สรรพคุณด้านต่างๆ จึงกล่าวได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ” เธอตั้งข้อสังเกต

ชาบำรุงความงามแบรนด์นี้ ออกแบบขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์สุภาพสตรีที่ใส่ใจในสุขภาพโดยเฉพาะ “ยกตัวอย่างเช่น ชาดอกไม้สมุนไพรโกจิเบอร์รีดำผสมกุหลาบและลำไยนั้น จะมีส่วนผสมเป็นพุทราจีน, โกจิเบอร์รี (เก๋ากี้) สีดำและแดง, ดอกกุหลาบและลำไย ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยให้ดวงตาสดใส” คุณ Yim อธิบาย เธอได้กล่าวเน้นย้ำถึงข้อความแท็กไลน์ของแบรนด์ “เมื่อภายในถูกบำรุงความงามก็จะถูกสะท้อนออกมาถึงข้างนอก” คำกล่าวนี้สะท้อนถึงจุดยืนที่จะให้ชาบำรุงความงามของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความงามควบคู่สุขภาพได้เป็นอย่างดี

“นี่เป็นครั้งแรกที่เราเข้ามาที่ตลาดประเทศไทย หลังจากที่ได้ผลิตชาชงสมุนไพรบรรจุถุงมาเป็นเวลาสองปี ด้วย การช่วยเหลือด้านทรัพยากรจากงาน TBTHK ตลอดจนไปถึงการสนับสนุนและเครือข่ายของ HKTDC ทางเราตื่นเต้นมากที่จะได้เปิดตัวแบรนด์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในอีเวนต์นี้” คุณ Yim กล่าว “เรารับประกันว่าผลิตภัณฑ์ของเราผลิตขึ้นที่ฮ่องกง 100% และชาสมุนไพรก็เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่ไม่ปรากฏเป็นวัตถุจับต้องได้ของฮ่องกง ดังนั้น ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชาสมุนไพรคุณภาพสูง จะสร้างความโดดเด่นให้แก่เราได้สำเร็จ”

นาฬิการะบบ Tourbillonผลิตจากฮ่องกง

Memorigin ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 2011 โดย William Shum และเป็นนาฬิกาแบรนด์ฮ่องกงเจ้าแรกที่สามารถผลิตกลไกนาฬิการะบบ Tourbillon ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะได้เอง ในงาน TBTHK ที่กำลังจะจัดขึ้นนี้ ทางบริษัทจะจัดแสดงคอลเล็กชันนาฬิกาอันหรูเลิศจำนวนมาก ได้แก่ Mermaid Tourbillon, นาฬิการุ่นงานจัดแสดงครบรอบ 50 ปีของ Okawara Kunio ผู้ให้กำเนิดกันดั้ม, รุ่น Marco Fu, รุ่น Zodiac ซึ่งประกอบไปด้วยนาฬิกา Rabiit, Harmony of Dragon and Phoenix ตลอดจนนาฬิการุ่นล่าสุดอย่าง Bright

นาฬิกาข้อมือของ Memorigin เป็นผลงานที่ผสมผสานทั้งวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก โดยจะผนวกเอาปฏิมากรรมสไตล์ตะวันออกเข้ากับฝีมือการทำนาฬิการะดับยอดฝีมือจากตะวันตกจนออกมาเป็นนาฬิการะบบ Tourbillon ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของฮ่องกง “เราได้เลือกสรรเอานาฬิกาที่ออกแบบโดยร่วมมือกับไอพี (ผลงานทรัพย์สินทางปัญญา) ระดับโลก และผลงานในธีมต่างๆ มาจัดแสดงเพื่อแสดงให้ตลาดไทยเห็นถึงโปรไฟล์การสร้างนาฬิกาอันหลากหลายของเรา” คุณ Shum ได้กล่าวไว้

เขาได้กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้เข้ามายังตลาดประเทศไทยแล้ว และได้สร้างช่องทางสำหรับขายสินค้าไว้บ้างเล็กน้อย ดังนั้น ทางบริษัทจึงตื่นเต้นมากที่จะได้กลับมาเปิดตลาดในไทยอีกครั้งโดยที่เน้นไปยังเป้าหมายใหม่ “ทางเราเชื่อว่าคนไทยชื่นชมในวัฒนธรรมการผลิตหัตถกรรมสไตล์ดั้งเดิม และประเทศไทยก็เป็นประเทศปลายทางยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวด้วย ส่งผลให้มีผู้มาเยือนไทยจากทั่วทุกมุมโลก เรามั่นใจว่าแบรนด์ของเราจะสามารถดึงดูดได้ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวที่มีความชื่นชอบในงานหัตถกรรม”

นาฬิการะบบ Tourbillon ของ Memorigin เป็นสินค้าระดับพรีเมียมที่พุ่งเป้าไปที่นักสะสมเป็นหลัก ในการนี้ คุณ Shum ได้เผยข้อมูลให้ทราบว่า ทางบริษัทมีความกระตือรือร้นที่จะเจาะเข้าไปในตลาดสินค้าที่เน้นความพิเศษและการจำกัดจำนวนผลิต “ชื่อแบรนด์ Memorigin นั้นมีคำแปลในภาษาจีนว่า ‘แหล่งกำเนิดความหวังของผู้คนทั้งปวง’ ดังนั้น ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของเราและคุณค่าที่คู่ควรแก่การระลึกถึงจึงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นความหมายที่อยู่ภายใต้แบรนด์นี้ได้อย่างชัดเจน”

คุณ Shum ได้กล่าวไว้ว่า ในปัจจุบันบริษัทมีจุดการจัดจำหน่ายอยู่หลายแห่งในประเทศมาเลเซีย ซึ่งสามารถสร้างความคืบหน้าทางธุรกิจได้อย่างน่าพอใจเช่นกัน “งาน TBTHK จะเป็นเวทีที่ช่วยให้เราทำความเข้าใจในตลาดประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนได้ดีกว่าเดิมก่อนที่เราจะวางแผนขั้นต่อๆ ไปในอนาคต นอกจากนี้ จากการที่โรคระบาดส่งผลให้คนเราไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้เป็นเวลาถึงสามปี พวกเราจึงรู้สึกขอบคุณที่ได้รับโอกาสในการพบปะว่าที่ลูกค้าในประเทศไทย และจัดแสดงคอลเล็กชันผลงานที่มีในครั้งนี้”

งาน TBTHK มีกำหนดจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 13 และ 14 กรกฏาคมนี้ ที่ เซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ งานครั้งนี้จะจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่ฮ่องกงภูมิใจเสนอให้แก่ตลาดอาเซียน อีกทั้งจะทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับผลักดันและส่งเสริมการจับคู่เป็นพันธมิตรทางการค้าและการลงทุนระดับภูมิภาค พร้อมขยายโอกาสผ่านการเชื่อมเขตเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและห่วงโซ่อุปทานในพื้นที่เข้าไว้ด้วยกัน