สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐ (เอ็นดับเบิลยูเอส) รายงานว่า วันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นวันที่ 15 ติดต่อกัน ซึ่งอุณหภูมิในเมืองฟีนิกซ์ เมืองเอกของรัฐแอริโซนา สูงเกิน 43 องศาเซลเซียส
ขณะที่อุณหภูมิของหุบเขามรณะ ซึ่งเป็นชื่อของทะเลทราย ตั้งอยู่ระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนียกับรัฐเนวาดา ทางตะวันตกของสหรัฐ และเป็นที่รู้จักจากการเป็นหนึ่งในบริเวณร้อนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อาจเพิ่มสูงถึง 54 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ สภาพอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้พื้นที่หลายแห่งของรัฐแคลิฟอร์เนีย เผชิญกับไฟป่าด้วย
As of 6pm ET this evening, the widespread and extensive nature of excessive heat warnings and heat advisories cover over 100 million people. This weekend the sweltering and dangerous heat will remain in the forecast, especially across much of the West. Practice heat safety! pic.twitter.com/a26ZBjKQ93
— National Weather Service (@NWS) July 14, 2023
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า ชาวอเมริกันมากกว่า 100 ล้านคน ในภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศ กำลังได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อน ซึ่งเกิดบ่อยครั้งขึ้น รุนแรงขึ้น และมีระยะเวลานานขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก ซึ่งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการจัดทำ “แผนยุทธศาสตร์อากาศร้อนแห่งชาติ”

อนึ่ง องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (ดับเบิลยูเอ็มโอ) รายงานว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงเป็นประวัติการณ์ 17.24 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา ทำลายสถิติ 16.94 องศาเซลเซียส ซึ่งวัดได้เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2559
ทั้งนี้ สถิติอุณหภูมิร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่เกิดขึ้นแล้วเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี และเอ็นดับเบิลยูโอคาดการณ์ระยะเวลาของเอลนีโญครั้งนี้ จะดำเนินไปจนถึงปี 2567
TIME wants to know if you're working outside in a heatwave.
— TIME (@TIME) July 15, 2023
Share your story with us here: https://t.co/AzEWUqSXCz pic.twitter.com/I1TSnaW7ff
สำหรับอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเมื่อเดือนที่แล้ว สูงกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 2534-2563 ประมาณ 0.5 องศาเซลเซียส ตามรายงานของดับเบิลยูเอ็มโอ โดยอุณหภูมิในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุด
นอกจากนี้ อุณหภูมิของผิวน้ำทะเลโลก เมื่อเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ที่ผ่านมา เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ซึ่งดับเบิลยูเอ็มโอเตือนว่า จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของสัตว์ทะเล และสภาพอากาศรอบบริเวณ.
เครดิตภาพ : AFP