การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ วันอังคารที่ 6 ก.ค. ที่สนามเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เวลา 02:00 น. ตามเวลาไทย ถ่ายทอดสดทาง NBT2HD/Truesport HD3 (668) เป็นการเจอกันระหว่าง “อัซซูรี” อิตาลี อดีตแชมป์หนึ่งสมัยปี 1968 พบกับ “กระทิงดุ” สเปน อดีตแชมป์ 3 สมัยปี 1964, 2008, 2012


ผลงานตั้งแต่รอบแรก อิตาลี ที่อยู่กลุ่ม A ชนะ ตุรกี 3-0, ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0, ชนะ เวลส์ 1-0 จากนั้นรอบ 16 ทีมชนะ ออสเตรีย 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ตามด้วยชนะ เบลเยียม 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้านสเปนที่อยู่กลุ่ม E นัดแรกเสมอ สวีเดน 0-0 ตามด้วยเสมอโปแลนด์ 1-1 และชนะสโลวะเกีย 5-0 เข้ารอบมาในฐานะอันดับ 2 รอบ 16 ทีมชนะโครเอเชียช่วงต่อเวลา 5-3 และรอบก่อนรองชนะเลิศชนะจุดโทษสวิตเซอร์แลนด์ 3-1 หลังจากเสมอกันใน 120 นาที 1-1


โรแบร์โต มันชินี เฮดโค้ชทีมมะกะโรนีที่ไม่แพ้มา 32 นัดติดต่อกันในทุกรายการ และเป็นชาติแรกที่ชนะ 15 นัดรวดในยูโร รวมทั้งรอบสุดท้ายและรอบคัดเลือก ปัญหาหนักสุดจะไม่มี เลโอนาร์โด สปินัซโซลา แบ๊กซ้ายตัวเก่งที่เจ็บเอ็นร้อยหวายจนต้องพัก 4-6 เดือนคาดว่าเอเมอร์สัน พัลไมรี จะทำหน้าที่แทน ด้าน อเลสซานโด ฟลอเรนซี แบ๊กขวาบาดเจ็บน่องยังต้องดูอาการก่อนแข่งถ้าไม่ไหวก็จะเป็น โจวานนี ดิ โลเรนโซ

อิตาลี ใช้แผน 4-3-3 จานลุยจิ ดอนนารุมมา เป็นผู้รักษาประตู เลโอนาร์โด โบนุชชี และ จอร์โจ คิเอลลินี เป็นคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ โดยมี อเลสซานโดร ฟลอเรนซี เป็นแบ๊กขวาและเอเมอร์สันเป็นแบ๊กซ้ายแทนที่สปินัซโซลา แดนกลางมี มาร์โก แวร์รัตติ, นิโคโล บาร์เรลลา และ จอร์จินโญ ขณะที่ 3 ตัวบนมี เฟเดริโก เคียซา, ชิโร อิมโมบิเล และ โลเรนโซ อินซิเญ โดย 2 คนหลังยิงไปแล้วคนละ 2 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้

หลุยส์ เอ็นริเก กุนซือทีมชาติสเปน ทำท่าจะไม่มี ปาโบล ซาราเบีย ตัวริมเส้นที่กำลังท็อปฟอร์มทำ 2 ประตู 2 แอสซิสต์ในรายการนี้แต่บาดเจ็บกล้ามเนื้อในเกมล่าสุดไม่น่าฟิตทัน แต่อาจจะพร้อมสำหรับเกมต่อไปถ้าสเปนเข้ารอบชิง สำหรับ อายเมริค ลาปอร์ก กองหลังจากแมนฯ ซิตีที่เป็นผู้เล่นคนเดียวของสเปนที่ลงสนามมาทุกนาทีตั้งแต่เกมแรก วันก่อนแยกซ้อมในยิม แต่ไม่น่าจะบาดเจ็บ ยังเป็นตัวจริงต่อยืนด้านขวา ที่เหลือไม่มีใครเจ็บเพิ่ม แต่สภาพร่างกายสเปนอาจเป็นรองนิดๆ เนื่องจากต้องต่อเวลาพิเศษมา 2 เกมติด


แผนการเล่น 4-3-3 อูไน ซิมอน เฝ้าเสา เกมรับ ลาปอร์ก น่าจะลงไหวจับคู่กับ เปา ตอร์เรส โดยให้ เอริค การ์เซีย สำรองตามเดิม จอร์ดี อัลบา และ เซซาร์ อัซปิลิกวยตา เป็นฟูลแบ๊ก ตรงกลางนำโดย เซร์คิโอ บุสเกตส์ กัปตันทีม, โกเก้ และ เปดรี แนวรุกเปลี่ยนแปลงแน่นอน ดานี โอลโม ลงแทน ซาราเบีย แต่หน้าเป้ายังค้ำไว้ด้วย อัลบาโร โมราตา และ เฟอร์ราน ตอร์เรส สนับสนุนด้านข้าง


สถิติการเจอกันทั้งหมด 37 ครั้ง สเปน เหนือกว่าเล็กน้อยด้วยชัยชนะ 13 เสมอ 13 แพ้ 11 หนล่าสุดเป็นฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก ที่สเปนเปิดบ้านชนะ 3-0 เมื่อปี 2017 และเสมอ 1-1 เมื่อปี 2016 และอิตาลีไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกครั้งนั้น หลังจากเป็นที่ 2 ในกลุ่มและตกรอบเพลย์ออฟ


ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศรายการใหญ่คือในปี 2012 เมื่อสเปนเอาชนะอิตาลี 4-0 คว้าแชมป์ยูโร 2012 ซึ่งมีผู้เล่นเพียงสามคนจากนัดนั้นที่อยู่ในรายชื่อผู้เล่นตัวจริงในยูโร 2020 สเปนมีเซร์คิโอ บุสเกตส์ ในขณะที่อิตาลีมีกองหลังตัวเก๋า จอร์โจ คิเอลลินี และ เลโอนาร์โด โบนุชชี แต่ในยูโร 2016 อิตาลี ล้างแค้นเอาชนะสเปน 2-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

อัตราต่อรอง บริษัทรับวางเดิมพันถูกกฎหมายแห่งหนึ่งของอังกฤษ ยกให้ อิตาลี โอกาสชนะเหนือกว่าเล็กน้อย ในอัตรา 6-4 (แทง 4 จ่าย 6) สเปน ราคา 2-1 (แทง 1 จ่าย 2) และอัตราเสมอกัน 11-5 (แทง 5 จ่าย 11) ซึ่งกว่า 75% ต่างเทไปที่อิตาลีว่าจะเป็นผู้ชนะเข้ารอบต่อไป