จากกรณีมีกระแสข่าวอาหารการกินกับเมนูใหม่สุดแปลก “ข้าวหมา” ที่กำลังติดเทรนด์ฮิตอยู่ในโลกโซเชียล และกำลังมีการพูดถึงอยู่กันเป็นจำนวนมาก โดยหลายรายต่างอยากจะไปลิ้มลองกับข้าวหมา ซึ่งมีร้านต้นตำรับอยู่ที่เมือง จ.นครสวรรค์ ที่คิดค้นเมนูหนึ่งเดียวในโลกนี้ขึ้นมา กลายเป็นเทรนด์สุดฮิต และกำลังมียอดขายถล่มทลายอยู่ในขณะนี้นั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านเจ้าของต้นตำรับเมนู “ข้าวหมา” สุดแปลกประหลาด ของร้านอาหารตามสั่งชื่อ “ร้านป้าอ้อย” ตั้งอยู่ภายในอาคารพาณิชย์ บริเวณหลังโรงเรียนนครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ พบกับนางอนัญญา พินทอง หรือป้าอ้อย อายุ 60 ปี เชฟเจ้าของร้าน กำลังลงกระทะทำอาหาร โดยควงตะหลิวร่ายมนต์ใส่อาหารแต่ละเมนูให้กับลูกค้าที่มารอสั่งกันอย่างเมามัน และบริเวณหน้าร้าน จะพบกับเหล่าไรเดอร์ฟู้ด จากหลายแบรนด์ ต่างวนเวียนขับขี่เข้ามาจอดรอรับออร์เดอร์กันอย่างไม่ขาดเลยกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมนูสุดแปลกอย่าง “ข้าวหมา” พบว่า มีออร์เดอร์มาสั่งซื้อกันตั้งแต่เช้า ไม่ต่ำกว่า 50 กล่องแล้ว และยังคงมีลูกค้าทยอยสั่งกันอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเมนู “ข้าวหมา” ผู้สื่อข่าวได้เห็นรูปร่างหน้าตาของอาหารของจริงแล้ว ดูแบบผิวเผิน ก็เหมือนข้าวผัดที่เอาของวัตถุดิบเหลือๆ เอามาผัดรวมกัน ซึ่งเมื่อเห็นครั้งแรกก็ดูไม่ค่อยจะโสภาสถาพรมากนัก พร้อมกับยังแอบสงสัยว่าจะทานได้หรือไม่ จนกระทั่งได้เห็น นำไปจัดเรียงใส่จานทานและใส่ห่อกลับบ้าน ก็ต้องอุทานในใจ เมื่อพบว่า รูปร่างหน้าตาและสีสันของอาหารจานนี้ มันเหมือนทำให้น้องหมากิน อย่างไม่ผิดเพี้ยน

แต่เมื่อมานั่งรับประทานกลับกลายเป็นว่า ภาพที่เห็น และเรื่องรสชาติ กลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง ซึ่งถึงแม้จะดูไม่ค่อยน่ากิน แต่เมื่อกินเข้าไป กลายเป็นว่า อาหารจานนี้ มีรสชาติคล้ายกับมาม่าผัดไข่ทั่วไป แต่ที่พิเศษ มันมีกลิ่นของพริกเผาหอมโชยขึ้นจมูก มีรสชาติเผ็ดเปรี้ยว หวาน เค็มครบทุกรส จึงไม่แปลก ที่จะหายข้องใจกับอาหารเมนูที่ว่านี้ และทางเจ้าของร้านกล้าที่จะการันตีว่า ตอนนี้ “ข้าวหมา” เป็นอาหารเด็ดที่สุด และอร่อยที่สุดของร้านนี้ไปแล้ว ซึ่งมีเครื่องยืนยันได้จากลูกค้าที่มานั่งทานที่ร้าน และยอดการสั่งผ่าน Food Rider ที่มีหลักร้อยจานต่อวันเลยทีเดียว แถม “แทค ภรัณยู” ก็เคยสั่งทานในตอนที่มาถ่ายทำรายการรถโรงเรียน ถึงขั้นติดใจ ให้ทีมงานกลับมาสั่งใหม่อีก 3 รอบด้วย

อย่างไรก็ดี เคล็ดลับการทำ “ข้าวหมา” ป้าอ้อย เผยว่า มีส่วนประกอบหลักๆ คือ การนำข้าวสวยเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ต้มสุก พริกเผาผักบุ้ง หมูสับ และปรุงด้วยสูตรของทางร้าน ลงไปผัดรวมกันในกระทะ ทำให้มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ได้รสชาติที่เข้มข้นลงตัว คือมีทั้งรสชาติ เปรี้ยวหวาน เค็ม เผ็ด ซึ่งความอร่อยนั้น สวนทางกับรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างมาก อีกทั้งราคาขายยังสุดถูก เพราะข้าวหมาธรรมดา จะขายอยู่ที่จานละ 35 บาท แต่หากต้องการพิเศษหน่อย ก็ต้องข้าวหมาจานละ 40 บาท เนื่องจากมีท็อปปิ้งเพิ่มคือไก่ลูกเต๋าทอด อยู่ในจาน ก็จะกลายเป็นเมนู “ข้าวหมาไก่แพน” ซึ่งนักเรียนเขาได้ตั้งชื่อเมนูนี้ไว้ให้

นางอนัญญา หรือป้าอ้อย บอกว่าเมนูข้าวหมาเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากร้านอาหารอยู่ใกล้โรงเรียนประจำจังหวัด ตอนหัวค่ำมีเด็กนักเรียนที่อยู่หอพัก เกิดความหิว และมาสั่งข้าวผัดกิน แต่ช่วงใกล้ปิดร้าน ทำให้วัตถุดิบของที่ร้านในตอนนั้น มีเพียงข้าวและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างละนิดหน่อย แต่ด้วยความหิวโหยของเด็กๆ เขายืนยันว่าทานได้ จึงตั้งใจผัดข้าวพร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้เด็กได้ทาน ซึ่งเมื่อเด็กได้เห็นครั้งแรก เขาก็อุทานออกมาเลยนะว่า เหมือนข้าวหมาเลย แต่ปรากฏว่า วันต่อมา เด็กคนเดิมกลับมาสั่งเอาข้าวหมาเหมือนอย่างวันนั้นมากินอีก จนเพื่อนๆ เห็นก็แปลกใจจึงสั่งตาม กระทั่งทุกวันนี้ เขามาสั่งกินกันแบบนี้ตลอด กลายเป็นตำนาน ข้าวหมาในที่สุด

ด้าน Food Rider รายหนึ่งบอกว่า การรับออร์เดอร์ของที่ร้านป้าอ้อยนี้ ส่วนใหญ่มีแต่ “ข้าวหมา” เยอะเลย ยิ่งในช่วงนี้มีการแชร์ลงในโลกโซเชียลด้วย ก็ยิ่งทำให้คนที่อยากลองของแปลกใหม่เพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลดีทำให้กลุ่ม Food Rider มีรายได้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย.