เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่พรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมาตรา 112 ซึ่งทาง สว. ยังคงยืนกรานว่าหากพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลและมีนโยบายนี้อยู่ ก็จะไม่โหวตให้ แม้พรรคเพื่อไทยจะระบุว่าเป็นนโยบายเฉพาะในส่วนของพรรคก้าวไกล จะมีการถอยร่นเพดานลงหรือไม่ ว่า นายชัยธวัช กล่าวว่า คงต้องรอพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยก่อน ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องพวกนี้อย่างชัดเจน ตอนนี้ก็ต้องชัดเจน โดยมารยาทเมื่อพรรคก้าวไกลได้เปิดให้พรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว การพูดคุยเจรจาจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ คงจะต้องเป็นบทบาทหลักของพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคเพื่อไทยขอให้ลดเพดานเรื่อง 112 หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่าการเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องดำเนินการตามเอ็มโอยูต่อหรือไม่ หรือพรรคเพื่อไทยมีสิทธิในการฉีกเอ็มโอยูได้เลย นายชัยธวัช กล่าวว่า อันนี้เดี๋ยวต้องรอ แต่ว่าตามที่เราแถลงไป เราก็เปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของขั้ว 8 พรรคเดิมที่เราได้ทำเอ็มโอยูกันไว้ เมื่อถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะดึงพรรคที่ 9 พรรคที่ 10 เข้ามา พรรคก้าวไกลมองอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า คงต้องเป็นการพูดคุยกันใน 8 พรรค เมื่อถามว่าการถึงพรรคที่ 9 พรรคที่ 10 เข้ามาร่วมมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า จะมีเงื่อนไขอะไร หรือจะยอมรับได้หรือไม่ อันนี้ต้องรอฟังพรรคเพื่อไทยก่อน เมื่อถามว่าได้มีการนัดคุยและจะมีข้อยุติเมื่อไรนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า จริง ๆ 1-2 วันนี้น่าจะมีความคืบหน้า และรอการประสานงานจากพรรคเพื่อไทยก่อน เดิมตนได้นัดหมายพรรคเพื่อไทยเช้าวันนี้ แต่เนื่องจากเรามีการแถลงจึงเลื่อนการพบปะพูดคุยกันไว้ก่อน
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลได้มีการเสนอหรือไม่ว่าพรรคที่ 9 หรือ 10 จะมีพรรคอะไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการเสนอ เพราะต้องเป็นบทบาทหลักของพรรคเพื่อไทย เมื่อถามว่ายังมีเงื่อนไขหรือไม่ว่าไม่เอาลุงเหมือนเดิม นายชัยธวัช กล่าวว่า “อันนี้เป็นจุดยืนที่ชัดเจนสำหรับพรรคก้าวไกล” เมื่อถามย้ำว่าถ้ามีลุงมาร่วม เราก็ไม่สามารถร่วมได้ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า “อันนี้ชัดเจน โดยไม่ต้องมีการพูดคุยกัน”
เมื่อถามว่าหากคุยกับ 7 พรรคแล้ว พรรคก้าวไกลจะถอยออกมาเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็ชัดเจนว่าสำหรับเราสิ่งที่เราได้สัญญาพูดคุยต่อพี่น้องประชาชนทั่วประเทศในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เราคงไม่สามารถที่จะเสียสัจจะในครั้งนี้ได้ ขอให้รอดูก่อน อย่าเพิ่งรีบสรุป ตนคิดว่าอันนี้พรรคเพื่อไทยคงจะนำมาพูดคุยกับพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ เรายังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อยุติขั้วอำนาจรัฐบาลเดิมให้สำเร็จนี่เป็นเป้าหมายสำคัญที่สุด
ต่อข้อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยไปขอร่วมกับพรรคพลังประชารัฐมาร่วม โดยเอาเสียงสนับสนุนมา แต่ไม่เอา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมาด้วย พรรคก้าวไกลคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปสรุปแทนพรรคเพื่อไทย ข่าวมันออกมาเยอะ แต่การพูดคุยอย่างเป็นทางการยังไม่ได้เกิดขึ้น
เมื่อถามว่าในการประชุม สส.พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา มี สส. ไม่เห็นด้วยกับการถอยให้พรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ในการประชุม สส.พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 20 ก.ค. เสียงส่วนใหญ่ก็ออกมาตามมติที่ตนได้แถลงในวันนี้
เมื่อถามว่าหน้าที่ในการหาเสียง สว. หลังจากนี้ต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถูกต้อง ก็เหมือนกับในรอบของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมา ส่วนหากเสนอแคนดิเคตของพรรคเพื่อไทยแล้วไม่ผ่านสภา การเสนอแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยก็จบลงเลยใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า จุดยืนของพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยตามข้อบังคับที่ 41 เรายังยืนยันว่ามติของสภาในรอบที่แล้วขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนจะยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบหรือไม่ พรรคก้าวไกลยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้ เมื่อถามว่านายพิธามีความเห็นในเรื่องถอยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า แน่นอนว่าท่าที และการแถลงครั้งนี้ต้องผ่านการเห็นชอบจากหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว ทั้งนี้นายพิธายังมีกำลังใจดี และจะกลับมาทำงานในวันที่ 22 ก.ค. นี้
เมื่อถามว่าการยุบพรรคก้าวไกลมีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้มีคดีที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญคือคดีหุ้นไอทีวี และคดีล้มล้างการปกครองจากนโยบายเรื่อง 112 อย่างไรก็ตามทั้ง 2 คดีไม่ได้มีการร้องให้ยุบพรรค แต่อันนี้ประมาทไม่ได้ เราเห็นได้ชัดเจนว่าหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในระบบนิติรัฐปกติ องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญก็ถูกตั้งคำถามตลอดเวลาในแง่ของหลักเกณฑ์หลักการตามกฎหมาย หรือการมีบทบาทเป็นเครื่องไม้เครื่องมือทางการเมืองให้แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ได้ประมาท เราติดตามอยู่
ต่อข้อถามว่าพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยในเรื่องข้อบังคับที่ 41 มองบทบาทของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งที่ผ่านมาอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นข้อถกเถียงกันในสมาชิกรัฐสภา เราเองก็เห็นว่าประธานสภาสามารถที่จะวินิจฉัยได้ แต่เมื่อมีความเห็นแตกต่างกันเยอะ ทางประธานก็อาจจะเห็นว่าควรให้สมาชิกได้อภิปรายถกเถียงกันอย่างเต็มที่และมีมติร่วมกัน เหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว ก็เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลถอยมา 2 รอบแล้ว คือเรื่องเก้าอี้ประธานสภา และถอยเรื่องตำแหน่งนายกฯ ได้คำนวณฉากทัศน์เลวร้ายที่สุดในการถอยเก้าอี้นี้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ได้คำนวณอะไรทั้งนั้น ตนคิดว่าเป้าหมายสำคัญที่ยึดกุมไว้ตลอดหลังผลเลือกตั้งออกมาคือ พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปตามเจตจำนงของมติมหาชนจริงๆ ดังนั้นวันนี้อย่างที่ย้ำว่าประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่นายพิธาจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ ประเด็นสำคัญที่สุดต้องยึดกุมไว้ให้ได้ ตามมติมหาชนก็คือต้องผลักดันให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลที่ยุติการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิมให้ได้
เมื่อถามว่าหลังจากถอยเรื่องการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วกังวลเรื่องความเชื่อมั่นของโหวตเตอร์พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะมันไม่ใช่แค่ผู้ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล ตนกำลังพูดถึงผู้ลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่ที่ลงให้พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลมีส่วนสำคัญ และตนก็เชื่อว่าคนที่เลือกทั้งพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย แม้วันนี้พรรคก้าวไกลจะเป็นไปได้ยากแล้วที่จะเป็นนายกฯ แต่ประชาชนทั้ง 2 ส่วน ก็ยังอยากเห็นรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับการที่พรรคก้าวไกลต้องเสียสละ นายชัยธวัช กล่าวว่า คิดว่าอันนี้เป็นคำถามที่ผิดฝาผิดตัว คนที่ไม่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง คนที่ไม่ยอมรับหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยต่างหาก ที่ควรจะมีสำนึกว่าการกระทำแบบนี้จะไม่ส่งผลดีกับบ้านเมืองในระยะยาว
เมื่อถามว่าคิดว่าเมื่อเปลี่ยนให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว โอกาสสำเร็จมีมากขึ้นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น.