เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย พรรค พท. นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค

พรรคประชาชาติ (ปช.) นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นำโดย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค พรรคเป็นธรรม นำโดย นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรค พรรคเสรีรวมไทย นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค พรรคเพื่อไทรวมพลัง นำโดยนายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรค และตัวแทนพรรคพลังสังคมใหม่ นำโดยนายเชาว์ฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ เข้าร่วมประชุม ภายหลังพรรค ก.ก. ประกาศให้พรรค พท. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน โดยใช้เวลาหารือนานเกือบ 2 ชั่วโมง

จากนั้น เวลา 16.45 น. นพ.ชลน่าน แถลงผลการประชุมร่วมกันว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาบุคคลซึ่งสมควรเป็นนายกฯ ในวันที่ 27 ก.ค. ที่ประชุมมีมติให้พรรค พท. ส่งผู้ซึ่งสมควรเป็นนายกฯ จากบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรรค พท. โดยพรรค ก.ก. จะเป็นผู้เสนอรายชื่อดังกล่าว เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่เรามุ่งมั่นร่วมกัน ที่จะเป็นรัฐบาลในความมุ่งมั่นของประชาชน ส่วนวิธีการที่จะได้มาซึ่งเสียงสนับสนุนนั้น 8 พรรคร่วม 312 เสียง จะดำเนินการ

โดย 1.ขอเสียงจาก สว. ให้ได้ครบตามจำนวนที่ต้องเติมให้ถึง 375 เสียง ซึ่งก็คือ 63 เสียง ส่วนที่ สว. ตั้งเงื่อนไขกรณีมาตรา 112 เป็นสิ่งพรรค พท.จะต้องไปพูดคุย เช่น กรณี สว. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลดเงื่อนไขในมาตรา 112 พรรค พท. จะรับเรื่องมาพูดคุยกับพรรค ก.ก. 2.หากได้เสียง สว. ไม่พอ ที่ประชุมให้สิทธิพรรค พท. ไปพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นตามที่พรรคเห็นควร เพื่อให้ได้เสียงครบตามจำนวน เป็นไปตามเสรีภาพของพรรค พท. และ 3.ส่วนแนวทางอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ที่ประชุมให้สิทธิพรรค พท. เป็นผู้พิจารณา

เมื่อถามว่าจะต้องมีการลดเพดานเรื่องมาตรา 112 ลงหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมได้ยกขึ้นมาหารือกับพรรค ก.ก. โดยพรรค ก.ก. ได้ข้อแนวทางลดเพดาน เลยมอบให้พรค พท. ไปพูดคุยกับ สว. ว่าจะลดเพดานในเรื่องอะไรบ้าง แล้วจะนำมาพิจารณากันภายในพรรค

เมื่อถามว่ากรณีที่มีท่าทีจากพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคชาติไทยพัฒนา ที่จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค ก.ก. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้าเป็นแนวทางที่นอกเหนือจากมติ 8 พรรคร่วมรัฐบาลในวันนี้ ที่ให้สิทธิพรรคเพื่อไทยในการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วน สว. ตั้งเงื่อนไขว่าต้องไม่แตะต้อง ม.112 นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ต้องไปฟังให้ชัดเจน เพราะเราได้รับหน้าที่จากที่ประชุมไปพูดคุยหาข้อมูลข้อเท็จจริงให้ครอบคลุมรอบด้าน หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการแจ้งพรรคก้าวไกล และที่ประชุม 8 พรรค เพื่อพิจารณาร่วมกัน

เมื่อถามว่าในวันที่ 27 ก.ค. จะเสนอแคนดิเดตของพรรค พท. อย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จะต้องเสนอรายชื่อแคนดิเดต 1 คน ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะเตรียมการเป็นกระบวนการภายในของพรรค ในวันที่ 26 ก.ค. และประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ก.ค. ด้วย

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ แล้วที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นชอบ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ด้วยความกังวลนี้ เราจึงต้องมีกระบวนการเพื่อให้เกิดความมั่นใจก่อนที่จะมีการเสนอชื่อในวันดังกล่าว ดังนั้นเราจึงมีความมั่นใจว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนเกิน 375 เสียง แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะเสนอรายชื่อบุคคลใด

“หลักการหลังจากที่เราพูดคุยวันนี้พรรคเพื่อไทยได้สิทธิจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่ามอบสิทธิให้พรรคเพื่อไทยไปดำเนินการเจรจา ซึ่งหลักการของพรรค พท. จะไปเจรจาอย่างเป็นทางการ เพื่อยืนยันในเจตนารมณ์ของแต่ละพรรค” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่าพรรค พท. การันตีกับผู้สนับสนุนของพรรค ก.ก. และพรรค พท. ว่าจะไม่หักหลังประชาชนตามที่ได้สัญญาว่าจะไม่จับมือกับขั้วรัฐบาลเดิม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งที่แถลงวันนี้ คือสัญญาที่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด ในสิ่งที่เรายึดมั่นใน 8 พรรคร่วมเป็นเบื้องต้นก่อน ส่วนสิ่งที่แถลงในวันนี้มาตรการอื่นๆ นอกจากการจับมือกับ 8 พรรคร่วม คือเราได้สิทธิไปดำเนินการในเรื่องต่างๆ เท่านั้นเอง นั่นคือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยคิด และทำ หลังจากที่กระบวนการทั้งหมดมันไม่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่าทุกทางเลือกจะมีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “อยู่ในทางเลือกที่ 1 และ 2 ส่วนทางเลือกที่ 3 เป็นทางเลือกอื่นๆ ความหมายก็คือไม่ใช่ความร่วมมือของทั้ง 8 พรรคร่วม ซึ่งอาจจะไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งอยู่ในสมการนี้หรือในการจับมือนี้ ซึ่งสิทธิตรงนี้พรรคเพื่อไทยได้สิทธิจาก 8 พรรคร่วม ให้ไปพิจารณาดำเนินการและนำมาปรึกษาหารือ”

เมื่อถามว่าปัจจัยอะไรที่จะนำไปสู่การใช้ทางเลือกที่ 3 นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ 1-2 ไม่สำเร็จ เมื่อถามว่าจะใช้ศิลปะใดในการเจรจากับ สส. และ สว. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ค่อนข้างตอบยาก เพราะในทางการเมืองมันแทบจะไม่มีคำว่าศิลปะ สิ่งที่เราได้รับจากที่ประชุมคือพรรคร่วมเรายินดีที่จะช่วยสนับสนุนและหาเสียง ไม่ว่าจะหาจาก สส. สว. และพรรคเพื่อไทยเองก็คงต้องทำงานหนักในเวลาที่มีข้อจำกัด ทุกสรรพกำลังที่เราต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 1-2 วัน เพื่อตอบคำถามทั้งหมดก่อนวันที่ 26 ก.ค. นี้ แต่จะพยายามยึดแนวทางที่ 1 และ 2 ให้สำเร็จให้ได้ก่อน อย่างอื่นยังเรายังไม่พูด โดยแนวทางที่ 1 และ 2 ช้าที่สุดคือวันที่ 25 ก.ค. นี้ เพราะวันที่ 26 ก.ค. เราต้องมีการประชุมพรรคและประกาศความชัดเจนออกมา

เมื่อถามว่าแนวทางที่ 3 สามารถเป็นมีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นทางเลือกที่ต้องแสวงหาให้ได้

ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการยกเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมาพิจารณา ทางพรรคก้าวไกลก็คงดูรายละเอียดว่าในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดตั้งรัฐบาล เราก็ต้องให้เวลาทางพรรคเพื่อไทย ในการไปพูดคุยกับทาง สว. ว่ารูปแบบแบบไหนที่จะเรียกว่าเป็นการปลดล็อกความไม่สบายใจของทุกท่าน และแนวทางในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ หลังจากปลดล็อกแล้วเป็นอย่างไร ที่จะให้พรรคก้าวไกลนำไปพิจารณากันในพรรค เมื่อถามว่ามีความกดดันในเรื่องเงื่อนไขมาตรา 112 หรือไม่ เพราะพรรคหลายพรรคการเมืองยื่นเงื่อนไขในเรื่องนี้ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรายังยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องข้ออ้าง อย่างไรก็ตาม เป้าหมายสูงสุดที่เราอยากจะเห็นตามเจตจำนงของพี่น้องประชาชนในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ต้องการอยากจะเห็นการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เราในฐานะที่ได้รับเสียงมาเป็นลำดับที่ 1 เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ส่วนเรื่องรายละเอียดตอนนี้โดยมารยาท ตนคงต้องมอบหมายบทบาทหลักให้กับพรรค พท. ในการบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ ตามที่ นพ.ชลน่าน ได้แถลงไปแล้วว่า ต้องมีการไปพูดคุยโดยเฉพาะทาง สว. ว่า เรื่องเหล่านี้จะมีข้อเสนออะไรบ้างที่จะเป็นรูปธรรม

เมื่อถามว่าย้ำว่าทาง สว. รวมถึงพรรครัฐบาลเดิม กดดันในเรื่องมาตรา 112 พรรค ก.ก. จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ มีปัญหาไม่สามารถรวมเสียงได้ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องเป็นภารกิจของพรรค พท. โดยมารยาท ซึ่งพรรคก้าวไกลได้แถลงว่าได้ส่งไม้ต่อให้กับพรรค พท. เป็นการแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ทั้งประเด็นนี้และประเด็นอื่นๆ เราคงต้องรอทางพรรคเพื่อไทย นำมาปรึกษาหารืออีกครั้ง ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดจริงๆ.