จากกรณีที่ นายเทวา ( สงวนนามสกุล ) ครูฝึกสอนเทนนิส วัย 67 ปี บุกสำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่กรุงเทพมหานคร ก่อนจะถุงน้ำปลาร้าที่เตรียมมาลงพื้นจนแตกกระจายส่งกลิ่นเหม็นคุ้งไปทั่วบริเวณหน้าห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์และเอกสาร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะมาเชิญตัวออกไปจากศูนย์ราชการเมื่อวานนี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. นายเทวา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนติดตามข่าวการประชุมสภาเพื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยแล้ว รู้สึกอึดอัด รับไม่ได้กับการทำหน้าที่ของ กกต.ที่ชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนจะมีการสั่งระงับการปฎิบัติหน้าที่ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกคนต่อไป ซึ่งตนเห็นว่า เป็นการกลั่นแกล้ง นายพิธา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเป็น สส.มา 4 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องร้องให้ตรวจสอบแบบนี้มาก่อน แต่พอเขาจะได้เป็นนายกฯคนต่อไป กลับมีการกลั่นแกล้งเพื่อตัดสิทธิ์และยุบพรรคของเขา เหมือนที่พรรคอนาคตใหม่ถูกกระทำมาก่อน เป็นเรื่องที่ตนรับไม่ได้และรู้สึกคับแค้นอยู่ในใจ

ลุงเทวา กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นในช่วงเย็นของวันก่อน ตนยังคงครุ่นคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ จนถึงขั้นเก็บเอาไปคิดว่าจะหาวิธีการตอบโต้องค์กรอิสระแบบนี้ได้ยังไงบ้าง จนกระทั่งมานึกถึงปลาร้าขึ้นมาได้ว่าปลาร้าที่ดีนั้นยิ่งเหม็นยิ่งดี แต่กับบางองค์กรยิ่งเหม็นเน่ากว่า พอตื่นเช้าขึ้นมาตนมีเงินติดตัวอยู่เพียง 100 บาท จึงตัดสินใจเดินไปซื้อปลาร้าในตลาดมา 2 ถุงเป็นเงิน 90 บาท เหลือเงินอีก 10 บาทก็ซื้อปาท่องโก กินเพื่อเอาแรง จากนั้นก็เดินถือถุงน้ำปลาร้าพร้อมกับไม้เทนนิสไปตามถนนคลองประปา มุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ โดยตั้งใจจะนำถุงปลาร้า 2 ถุงไปปาใส่ที่สำนักงานเป็นการประชดและระบายความรู้สึกเกี่ยวกับการทำงานของหน่วยงานดังกล่าว เพราะตนรู้สึกเก็บกดมาหลายครั้งแล้ว ทั้ง ๆ ที่ กกต.ควรจะเป็นจุดแรกที่จะต้องทำให้เกิดความยุติธรรมในสังคมขึ้นมา แต่ไม่ใช่กับ กกต.ชุดนี้

ลุงเทวา เปิดเผยต่อไปอีกว่า หลังตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ตนจึงเริ่มเดินออกจากบ้านพักตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนเดินไปถึงที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะประมาณ 8 โมง โดยตนตั้งใจจะขึ้นไปยังสำนักงาน กกต. ที่หน้าห้องรับเรื่องร้องเรียนที่นักร้องทั้งหลายชอบมาแถลงข่าวกัน ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ที่คุ้นเคยกับตน เพราะก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาตนได้เคยนำสับปะรดไปให้ทาง กกต.มาแล้วครั้งหนึ่งเพื่อประชดให้รู้ว่าประชาชนมีตาเหมือนกับสับปะรดเช่นกัน จากนั้นตนจึงได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ไปแล้วว่า วันนี้ตนเอาปลาร้ามา แต่ไม่ได้เอามาฝากเอามาเพื่อปาประชด ซึ่งหากจะแจ้งข้อหา ตนก็พร้อมยินดีที่จะรับทราบข้อกล่าวหา และไม่ต้องประกันตัวหรือเสียค่าปรับเพราะเงินที่มีติดตัวเพียง 100 เดียว ซื้อปลาร้าไปหมดแล้ว ปลาร้านั้นยิ่งเหม็นยิ่งดียิ่งอร่อย

ตนเคยมาเตือนไว้ก่อนแล้ว ในวันที่เอาสับปะรดมาให้ แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งเตือนยิ่งเละ กลายเป็นเก็บกดและคุกรุ่นขึ้นมา หลังปาถุงปลาร้าที่หน้าห้องรับเรื่องราวร้องทุกข์ของ กกต.แล้ว ตนได้เดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญต่อที่อยู่ไม่ไกลจากนั้น เพื่อนำถุงปลาร้าที่เหลืออีกถุงไปปา แต่เมื่อไปถึงที่ศาลรัฐธรรมนูญตนไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ เพราะตนใส่ขาสั้น ทางรปภ.ไม่อนุญาตให้เข้าไปข้างใน ตนจึงทำได้เพียงแค่ฝากถุงปลาร้าที่เหลือไปให้กับศาลแทน จากนั้นตนก็เดินกลับบ้านมาตามปกติจนกระทั่งมาตกเป็นข่าว

“…ขอให้ทั้ง 8 พรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง กอดคอกันเอาไว้ให้ดีอดทนไว้ รออีกเพียง 9 เดือนเท่านั่นเอง ก็จะสามารถปิดสวิตช์ สว.ชุดนี้ไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดได้แล้ว ที่ผ่านมาประชาชนทนกันมาตั้ง 8 – 9 ปี ยังทนกันมาได้เลย แค่รอต่อไปอีก 9 เดือนก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าทั้ง 8 พรรคจะกอดคอกันไหวตามสัญญาไหม ตนขอฝากไปถึง นายพิธา และทั้ง 8 พรรคด้วยว่า ขอให้สู้ต่อไป ประชาชนทุกคนจะคอยเป็นกำลังใจให้เพราะพวกคุณได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ดังนั้นถ้าหากจะเจอปัญหาอุปสรรคก็อย่าท้อถอย เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ…” ลุงเทวา กล่าว