“บิ๊ก” สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ผู้บริหาร “เขี้ยวสมุทร” สมุทปราการซิตี้ ทีมไทยลีก 2 โพสต์จวกการประชุมฟุตบอลลีกอาชีพ อัดยับเสียเวลา ไร้สาระ วนเวียนการเมือง, อวยนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก่อนหมดความอดทน ขอลาการประชุม เมื่อบังคับให้สโมสรติดกล้องวงจรปิด เพื่อปกป้องผู้ตัดสิน อัดเป็นชุด “วงการฟุตบอลไทย” มันคงจะ “ด้อยโอกาส” และ “ด้อยพัฒนาการ” ต่อไป เพราะไดโนเสาร์ กับ เต่าล้านปี

นายสัมฤทธิ์ โพสต์ในเฟซบุ๊ก Samrit Bunditkitsada ระข้อความว่า

ประชุมชี้แจงระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพประจำฤดูกาล 2023-2024
Time: 10.00 AM ,24 July 2023

.. ด้วยความคาดหวังและอยากฟังคำชี้แจงจากสมาคมและบริษัท จึงได้เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ zoom ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จนถึงเวลา 11.15 น. จึงตัดสินใจว่า กด leave แล้วไปเล่นกับลูกสาวตัวน้อยจะได้ประโยชน์กับชีวิตมากกว่านั่งฟังและพยายามทำความเข้าใจแนวคิดของอดีตนายตำรวจยศนายพล ที่วันนี้เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีสมาชิกกว่า 250 ชีวิต ตามที่ท่านได้แจ้งไว้ตอนเริ่ม.. สรุปรายละเอียดตลอด 1 ชั่วโมงเศษ ได้รอยหยักในสมองดังนี้..

1 เริ่มปฐมนิเทศจากเรื่องการเมือง สว. สส. โดยเฉพาะพรรค กก & พท ลามไปถึงม็อบ และเหตุให้สปอนเซอร์หดหาย

2 ต่อด้วยการกระแทกไปถึงลุง ป. & FIFA และการเชิดชูสปิริตของนายกสมาคม

3 ตามมาด้วยการทวงถามเรื่องเงินอัดฉีดจากเหรียญเงิน sea games ที่ผ่านมา พอเลขาฯ และทีมงานสมาคมไม่มีใครรู้เรื่องว่าได้รับแล้วหรือยัง ก็อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นไปอีกระดับชั้น

4 ลามถึงการวกกลับมาจวกแฟนบอลที่ทำตัวแย่ อันธพาล โดยเฉพาะพวกที่ชอบ “แอบ” นำพลุไปจุดในสนาม

5 การฟ้องแพ่งและจะต่อด้วยอาญากับแฟนบอลเหล่านั้น

6 อวยและหามาตรการปกป้อง “กรรมการ หรือ ผตส” รวมถึงตำหนิแฟนบอลและทีมงานสโมสรว่าไม่เข้าใจเกมส์ฟุตบอล โดยเฉพาะช่วง ‘นาทีบาป’ (ขอย้ำว่าใช้คำนี้จริงๆ)

7 ถึงช่วงที่หมดความอดทน คือ บังคับให้ทุกสโมสร ติดกล้องวงจรปิด เพื่อเก็บไว้ดูเป็นหลักฐาน เอาผิด เวลา ผตส ถูกขว้างปา หรือ ถูกด่า!! โดยไม่มีงบประมาณให้ แต่บังคับให้ทุกทีมต้องไปติด!!

ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงเข้าใจแล้ว ว่า “วงการฟุตบอลไทย” มันคงจะ “ด้อยโอกาส” และ “ด้อยพัฒนาการ” ต่อไป เพราะไดโนเสาร์ & เต่าล้านปี พวกนี้นี่เอง และ คงจะไม่คาดหวังอะไร จาก “พวกท่านๆ” อีกต่อไป นอกจากการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่ออิสระภาพของทุกสโมสรครับ..

เสียเวลาชีวิตชิบหายเลยจริงๆ เช้านี้!

ไม่น่าหลงเข้าไปฟังแมร่งพร่ำเลยจริงๆ

จากนั้น นายสัมฤทธิ์ ยังโพสต์ต่อเนื่อง โดยมีประเด็นสำคัญ ว่ามีโต๊ะพนันเข้ามาเข้ามามีบทบาทกับวงการฟุตบอลไทย โดยท่อนดังกล่าว ระบุว่า

ปัจจุบัน การทำหน้าที่ของกรรมการ หรือ ผตส ที่ถูกกำกับดูแลโดยสมาคมฯ ผ่านท่านผู้มีอำนาจ กลับมีวิวัฒนาการที่นำสมัยมากกว่าเดิมถึงขั้นไร้ขีดจำกัด

กล่าวคือ มีการแสวงหาผลประโยชน์จากกลุ่มบุคคลที่ 3 ซึ่งในที่นี้ ผมขอเรียนตามตรงเลยว่าคือ โต๊ะ หรือ กลุ่มคนจาก web พนัน ทั้งในและต่างประเทศ ที่เข้ามามีบทบาทกับฟุตบอลลีกประเทศเราเป็นอย่างมาก (จริงๆ)

เรื่องนี้ ทุกคนในวงการฟุตบอลไทยรับรู้กันเป็นอย่างดี แฟนบอลหลายท่านก็เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนสโมสรผ่านช่องทางของ web หรือ app พนัน ที่ผิดกฎหมายในประเทศนี้ (ไปที่ไหนก็เจอ หาง่ายยิ่งกว่าร้านสะดวกซื้อ แต่แปลกกว่าคือ ตำรวจกลับหาไม่เจอ!)

ซึ่งเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของวงการฟุตบอลไทย และนี่ไม่ใช่ข้อผิดพลาดหรือเป็นความผิดของแฟนบอล เพราะแฟนฟุตบอลไทยหลายๆ แสนท่านในประเทศนี้ เป็นคนทำงาน หาเช้ากินค่ำ การเข้าสนามเพื่อเชียร์ทีมรัก มันมีค่าใช้จ่าย และการขอทุนคืนบ้างจากพวกโต๊ะ แถมยังได้ลุ้นทีมที่รักที่ชอบ ยิ่งทำให้เกิดความมันส์แบบทะลุไส้กว่าดู John Wick ทุกภาค

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อมี demand ในการเดิมพันในทีมใดทีมหนึ่งมาก การออกคำสั่งให้ “ผลการแข่งขัน” เปลี่ยนแปลงไปอีกฝั่งที่มี demand น้อย ผ่านกรรมการ หรือ ผตส ในช่วงก่อนแข่งขันและช่วงพักครึ่งเวลา จึงทำให้เกิดกระแส การด่าทอ กรรมการ หรือ ผตส ทุกชีวิต ในเกือบทุกนัดของการแข่งขันในทุกสนาม ไม่เว้นแม้กระทั่งใน T-1 ที่มีทีมงานระบบ VAR ควบคุมอีกชั้น

ที่เสียเวลาอธิบายเรื่องราวมาทั้งหมดนี้ ผมแค่อยากจะสื่อสารถึงท่านผู้มีอำนาจทั้งหลายในสมาคมฯ และ/ หรือ บจ. ไทยลีก ถ้าพวกท่าน ‘มิได้’ มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมใดๆ กับกลุ่มบุคคลที่ 3 เหล่านี้ พวกท่านควรจะออกแบบ “ระบบ” และวางรูปแบบของลีกอาชีพ ให้ดีขึ้นกว่านี้ เพราะขนาด T-1 และ T-2 มีการถ่ายทอดสดทุกนัดในฤดูกาลที่ผ่านมา ยังมีการร้องเรียน กรรมการ หรือ ผตส มากมาย