หลังจากเม็ดฝนช่วยนำพาความชุ่มชื้นมาสู่ผืนป่าจนผืนดินเปียกชุ่ม เหง้าที่ฝังอยู่ใต้ดินจะค่อย ๆ แตกใบแทงทะลุขึ้นมา แล้วชูช่อดอกสีสดเป็นทรงกระบอกสูง 10-20 เซนติเมตร แล้วแต่สายพันธุ์ ตัดกับสีเขียวที่กำลังชอุ่มไปด้วยนํ้าเป็นภาพธรรมชาติอันงดงามที่หลายคนเฝ้ารอให้เวียนมาถึงอีกครั้ง

ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนกลางฤดูฝน “ดอกกระเจียวสีส้ม” ราชินีแห่งขุนเขาตะวันตก ที่อุทยานแห่งชาตินํ้าตกพาเจริญ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จะบานสะพรั่งพร้อมกันจนทำให้บริเวณโดยรอบกลายเป็นทุ่งสีส้มสวยงามและมีเสน่ห์ หลังจากอุทยานฯ ปิดการท่องเที่ยวไปเพื่อเปิดโอกาสให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัวนักท่องเที่ยวที่มาชมดอกกระเจียวสีส้มที่นี่ยังได้ชมความงามของ “นํ้าตกพาเจริญ” นํ้าตกหินปูนที่มีลักษณะเป็นขั้นบันไดลดหลั่นลงมานับได้จำนวน 97 ขั้น สูงประมาณ 40 เมตรด้วย

ม่อนหมอกตะวัน

ดั้นด้นมาถึงพบพระแล้วแค่มาชมดอกไม้อาจจะไม่เพียงพอ แนะนำให้แวะไป “บ่อนํ้าร้อนห้วยนํ้านัก” บ่อนํ้าร้อนขนาดใหญ่ ปราศจากกำมะถันที่มีบริการอาบนํ้าแร่ ห้องนํ้าและศาลาพักผ่อนไว้รองรับ โดยสามารถเที่ยวชมได้ตลอดปี แล้วแวะไปชม “นํ้าตกป่าหวาย” นํ้าตกหินปูนที่เกิดจากลำนํ้าหวาย การเข้าชมต้องเดินจากชั้นล่างขึ้นไปถึงชั้นบนของนํ้าตก จากนั้นเดินต่อไปอีก 30 เมตร จะพบปล่องภูเขากว้าง 10 เมตร มีนํ้าไหลลงสู่ปากปล่อง

คนชอบชมทะเลหมอกยามเช้าห้ามพลาด “ม่อนหมอกตะวัน” จุดชมทะเลหมอกสุดอลังการของจังหวัดตาก ที่ความสูง 1,100 เมตร รอชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือจะแค่มาชมแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ตกยามเย็น อากาศที่นี่จะมีลมพัดเย็นสบายเกือบทั้งปี จะมีเฉพาะฤดูหนาวที่จะหนาวเย็นมาก

สายชิมโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบทุเรียนมาเยือนพบพระช่วงนี้ทุเรียนพบพระกำลังออกผลผลิตหลากหลายพันธุ์ทั้งหลงนกแล หมอนทอง และก้านยาว แนะนำให้แวะไปที่ไร่เตรยาวรรณ ไร่พบรักแดนสวรรค์ สวนพงษ์คุ้มภัย ที่ไหนก็ได้รับรองว่าได้ฟินกับทุเรียนแน่นอน

ดอกเปราะภูขาว

หากพบพระไกลเกินไป ไปแค่พิจิตรก็มีทุ่งดอกกระเจียวให้ชมที่ “ป่าเขาโล้น” พื้นที่บ้านเขาโล้น อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร อดีตป่าเพล็กที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ ช่วงหน้าแล้งมักจะเกิดไฟป่าทำให้พื้นที่บริเวณนั้นถูกเผาดูโล่งเตียนจนเป็นที่มาของชื่อแต่ปัจจุบันพื้นที่นี้กลายเป็นป่าดิบชื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยผืนป่าทุ่งหญ้า พืชสมุนไพรต่าง ๆ และ “ดอกกระเจียวยักษ์” ที่เป็นพระเอก

ช่อดอกสีชมพูขนาดใหญ่ที่บานชูคอรอต้อนรับนักท่องเที่ยว มีความแปลกแตกต่างตรงขนาดดอกที่ใหญ่ไม่เหมือนใคร จนเกิดความกล่าวประโยคที่ว่า “กระเจียวเล็กมีอยู่ทั่วไป กระเจียวใหญ่ต้องที่ทับคล้อ” การเที่ยวชมป่าเขาโล้นมีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยมียุวมัคคุเทศก์น้อยคอยต้อนรับและนำชมป่าดอกกระเจียวยักษ์พันธุ์มหากำลัง ดอกสีชมพูอมม่วง สีขาว สวยงาม ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือช่วงหน้าฝนราวเดือนสิงหาคม-กันยายนของทุกปี

ไม่ไกลจากเขาโล้นมี “วัดทับคล้อ” (สวนพระโพธิสัตว์)” ภายในมีโบสถ์สีเทาดูสวยสะอาดตา รูปทรงทันสมัย และมีรูปปั้นฤาษี 108 ตน ที่มีอยู่ตามตำนาน บรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การมาวิปัสสนา โดยทางวัดได้จัดให้มีการปฏิบัติธรรมทุกปี ปีละ 3 ครั้ง ครั้งละ 9 คืน 10 วัน และช่วงวันสำคัญทางศาสนา ได้แก่ วันวิสาขบูชา, วันขึ้น 1 คํ่า เดือน 11 และระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม-9 มกราคม

นอกจากนี้ยังมี “ศาลเจ้าพ่อทับคล้อ” ที่มีเจ้าพ่อกำเทียงไต่ตี่ และเจ้าพ่อปุนเถ่ากงมาประดิษฐานอยู่ เป็นศูนย์รวมใจของชาวทับคล้อ แล้วไปเยือน “บ้านเก่าเสาปั้นจั่น” บ้านไม้โบราณ 2 ชั้น ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ โดยคุณสมบัติ เจ้าของตั้งใจให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาสัมผัส ศึกษาความเป็นมาของประวัติศาสตร์ จากนั้นแวะพักที่ “ร้านกาแฟโกยี” แห่งตะพานหิน ความพิเศษอยู่ที่การคั่วเมล็ดกาแฟแบบโบราณ และการได้นั่งทานในบรรยากาศเก่า ๆ นอกจากกาแฟโบราณที่ขึ้นชื่อแล้ว เมนูโอเลี้ยงใส่ไข่ลวกก็อร่อยไม่แพ้กัน หากอยากลองทานข้าวหมูกรอบหมูแดงที่ตั้งขายอยู่หน้าร้านก็ต้องมาให้ไวหน่อย

ก่อนเข้าเมืองพิจิตรไปย้อนยุคที่ “วัดโพธิ์ประทับช้าง” วัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา คนส่วนใหญ่จะรู้จักวัดนี้ในนามถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ ภายในมีโบราณสถานที่ยังสมบูรณ์และสถาปัตยกรรมที่ยังคงความสวยงาม ด้านในอุโบสถมีพระพุทธรูป “หลวงพ่อโต” ประดิษฐานอยู่เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยกรุงศรีอยุธยา มีอายุได้ 300 ปีเศษ

ระหว่างทางยังมี “วัดเขารูปช้าง” ที่มีเจดีย์บนเขาลูกใหญ่สะดุดตาคล้ายช้างตัวใหญ่ โบราณสถานแห่งนี้ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องเคลือบสีทอง หากขึ้นไปบนยอดเขาจะสามารถชมวิวทิวทัศน์ของตัวเมืองพิจิตรได้แบบ 360 องศา เสร็จแล้วแวะไปเช็กอินที่ “ย่านเก่าวังกรด” ที่จะมีตลาดย้อนยุคและเวทีรำวงย้อนยุคเปิดฟลอร์รอนักท่องเที่ยวมาเต้นรำด้วยกันทุกเย็นวันเสาร์ อย่าลืมชิมผัดไทยป้าลั้ง ก๋วยเตี๋ยวปิ่นโต หมูสะเต๊ะ หอยทอด และสาคูไส้หมูรสเด็ด

ปิดท้ายด้วย “พิพิธภัณฑ์บ้านดงโฮจิมินห์” ที่สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนแห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ฮานอย ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบชุมชนของตำบลป่ามะคาบ และเป็นตัวอย่างของ “พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้” ที่แสดงให้เห็นถึงการหล่อหลอมทางวัฒนธรรมอันแตกต่างของผู้คนในชุมชน และมิตรภาพอันดีงามของคนไทยที่มีต่อชาวเวียดนามมากว่าหลายร้อยปี

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ขยับใกล้เข้ามาอีกนิดที่พิษณุโลกใน “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” ที่ อ.นครไทย ช่วงฤดูฝนที่ไม่ต้องเฉอะแฉะเพราะบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นลานหิน ครั้งหนึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองไทย แต่วันนี้พ่วงฐานะแหล่งชมดอกไม้ช่วงหน้าฝนที่งดงามไม่แพ้สถานที่อื่น ๆ ในประเทศไทยอีกอย่างด้วย โดยเฉพาะในยามที่ดอกเปราะภูซึ่งมีสีขาวสดใสผลิดอกบานสะพรั่งชูช่อแซมอยู่ตามลานหินต่าง ๆ

“ดอกเปราะภูขาว” มีลักษณะดอกคล้ายกับดอกกล้วยไม้ สีขาวสด มีเกสรสีเหลือง เป็นพืชในตระกูลเดียวกับขิง ที่จะโผล่ต้นขึ้นมาออกดอกเฉพาะในฤดูฝน ลักษณะเดียวกันกับดอกกระเจียว ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ของที่นี่ ดอกเปราะภูจึงมีสีขาวแตกต่างจากที่อื่น ซึ่งส่วนมากเป็นสีชมพู ช่วงที่สวยที่สุดคือช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ที่จะพร้อมใจกันเบ่งบานไปทั่วลานหินปุ่ม นอกจากนี้ยังมีดอกเปราะหิน เอื้องตาเหินไหว ลิ้นมังกร บีโกเนีย และยังสามารถชมทะเลหมอกหน้าฝนได้อีกด้วย

นํ้าตกพาเจริญ

ก่อนถึงโรงเรียนทหารการเมืองและบ้านร่องกล้ามี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” จัดตั้งขึ้นมาเพื่อปลูกฟื้นฟูสภาพป่า เพาะชำ กล้าไม้ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ปลูกปรับปรุงระบบนิเวศต้นนํ้า รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ในด้านการท่องเที่ยวและสภาพแวดล้อม ไฮไลต์ของการมาเที่ยวคือ การได้ยืนชมวิวตามผาต่าง ๆ ทั้ง 5 ผา ได้แก่ ผาบอกรัก ผาสลัดรัก ผารักยืนยง ผาคู่รัก และผาไททานิค ซึ่งตั้งอยู่เรียงรายกัน รวมถึงชมทุ่งดอกกระดาษที่จะบานอยู่ริมผาในช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม

นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ซึ่งเต็มไปด้วยความสวยงาม และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ทั้ง “ผาชูธง” เป็นจุดที่คอมมิวนิสต์ชักธงแดงทุกครั้งที่รบชนะ “ลานหินปุ่ม” เต็มไปด้วยหินปุ่มเป็นบริเวณกว้างดูแปลกตา เกิดจากการสึกกร่อนของหินโดยธรรมชาติ เคยใช้เป็นที่พักฟื้นคนไข้ “โรงเรียนการเมือง การทหาร” เคยใช้เป็นสถานที่ให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ มีบ้านพักฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ และสถานพยาบาล กระจายตัวอยู่ใต้ผืนป่ารกทึบ ประมาณ 30 หลัง ในบริเวณใกล้เคียงยังมีสุสานทหารและกังหันนํ้าใช้สีข้าว “ลานหินแตก” ลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก ตามซอกหินพบไม้ประเภทมอสส์ ไลเคน เฟิร์น กล้วยไม้ และดงดอกกุหลาบพันปีสีขาวตลอดทาง “นํ้าตกหมันแดง” เป็นนํ้าตกที่มีชั้นต่าง ๆ รวม 32 ชั้น ไม่สามารถลงเล่นนํ้าได้ เกิดจากห้วยนํ้าหมันมีนํ้าตลอดปี ต้องเดินเท้าเข้าสู่นํ้าตกระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง

เทศกาลทุ่งดอกกระเจียวส้ม จังหวัดตาก และเทศกาลดอกเปราะภูสีขาวที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก จะมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ส่วนเทศกาลทุ่งกระเจียวยักษ์บานบ้านเขาโล้น จังหวัดพิจิตร มีขึ้น
ระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคม.

อธิชา ชื่นใจ