เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ BBC NEWS ไทย รายงานว่า มี อดีตนักบินของกองทัพเรือ 2 ราย และอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมหรือเพนตากอน ขึ้นให้การต่อรัฐสภาสหรัฐฯ เรื่องปรากฏการณ์ทางอากาศที่ยังไม่สามารถอธิบายได้ (Unidentified Aerial Phenomena – UAP) หรือ ยูเอฟโอ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา

อดีตเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสามต่างระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เก็บงำเรื่องของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาวหรือเอเลียนเป็นความลับมานาน แม้จะเคยพบซากยูเอฟโอที่มีร่างของเอเลียนอยู่ภายในมาแล้ว และได้ศึกษาซากยานบินดังกล่าวเพื่อทำวิศวกรรมย้อนกลับ (reverse engineering) ซึ่งเป็นการลอกเลียนแบบเทคโนโลยีของต่างดาวอีกด้วย

การไต่สวนสาธารณะในครั้งนี้ จัดโดยคณะอนุกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติด้านแนวพรมแดนและกิจการต่างประเทศ ประจำสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เพื่อประเมินถึงผลกระทบด้านความมั่นคงปลอดภัยต่อประเทศชาติและประชาชนชาวอเมริกัน อันเนื่องมาจากการพบเห็นปรากฏการณ์ UAP รวมทั้งวัตถุบินลึกลับไม่ทราบชนิดและแหล่งที่มาบ่อยครั้งขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ในคำกล่าวเปิดการไต่สวน สมาชิกของคณะอนุกรรมาธิการข้างต้นยังได้เรียกร้องให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีความโปร่งใสในประเด็นของปรากฏการณ์ UAP มากขึ้น เนื่องจากประชาชนมีสิทธิที่จะรับทราบถึงความจริงขั้นพื้นฐาน ในเรื่องของเทคโนโลยีซึ่งยังไม่ทราบที่มา รวมทั้งเรื่องของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ไม่ใช่มนุษย์ และปรากฏการณ์ลึกลับที่ยังอธิบายไม่ได้อีกหลายเหตุการณ์ด้วย

พยานผู้พบเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับเอเลียนและยูเอฟโอทั้งสาม ได้แก่นายไรอัน เกรฟส์ ผู้อำนวยการบริหารองค์กร Americans for Safe Aerospace (ASA) และนายเดวิด ฟราเวอร์ ซึ่งทั้งสองเป็นอดีตนักบินของกองทัพเรือ รวมทั้งนายเดวิด กรัช อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของเพนตากอน

กรัชให้การว่าเขาได้รับทราบถึงเรื่องการเก็บกู้ซากยานบินลึกลับเมื่อหลายสิบปีก่อน รวมทั้งเรื่องโครงการวิศวกรรมย้อนกลับเพื่อสร้างยานบินดังกล่าวขึ้นมาใหม่ตามเทคโนโลยีต้นแบบ โดยเจ้าหน้าที่วงในของรัฐที่เชื่อถือได้หลายราย เป็นผู้บอกเล่าและให้เขาดูหลักฐานที่เป็นรูปถ่าย เอกสารทางการ และเอกสารคำให้การที่ปิดเป็นความลับหลายชิ้น ระหว่างที่เขาเป็นสมาชิกคณะทำงานด้าน UAP ของเพนตากอน ในช่วงปี 2019-2021

กรัชยังยืนยันว่า โครงการศึกษาเทคโนโลยีระดับสูงซึ่งไม่ทราบแหล่งที่มาดังกล่าวมีอยู่จริง แต่ถูกปิดเป็นความลับสุดยอดโดยกระทรวงกลาโหม จนแม้แต่สมาชิกรัฐสภาก็ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องภาพถ่ายจุดตกของยานบินลึกลับในการไต่สวนสาธารณะ

กรัชยังระบุว่าคำกล่าวของดร.ฌอน เคิร์กแพทริก ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนเพื่อไขความกระจ่างเหตุการณ์ประหลาดที่ยังไร้คำอธิบาย (AARO) ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งเคยบอกว่ารัฐบาลไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ไม่ใช่มนุษย์นั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากรัฐบาลได้ดำเนินการปกปิดบิดเบือนข้อมูลในเรื่องนี้มานาน เพื่อให้ประชาชนเชื่อว่าปรากฏการณ์ลึกลับทางอากาศนั้นไม่มีอยู่จริง

กรัชยืนยันว่า ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ มีซากยูเอฟโอในครอบครอง ทั้งยังได้พบ “วัตถุชีวภาพ” (biologics) หรือซากร่างของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ติดมากับยานบินดังกล่าวด้วย ซึ่งเขาไม่ได้พบเห็นสิ่งที่เป็นความลับเหล่านี้มาด้วยตาตนเอง แต่ได้ทราบจากผลการประเมินของผู้ที่รับผิดชอบโครงการลับดังกล่าวโดยตรง

ด้านไรอัน เกรฟส์ ผู้อำนวยการบริหารองค์กรไม่แสวงผลกำไร ASA ซึ่งเป็นอดีตนักบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ บอกว่าที่ผ่านมามีการรายงานถึงปรากฏการณ์ UAP จากทั้งนักบินทหารและนักบินพาณิชย์น้อยมาก ทั้งที่มีการพบเห็นปรากฏการณ์ลึกลับดังกล่าวกันเป็นประจำ อย่างเช่นตอนที่นักบินของกองทัพเรือซึ่งประจำการบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ พบวัตถุบินลึกลับที่ลอยตัวนิ่งได้ท่ามกลางพายุเฮอริเคน ก่อนจะเร่งเครื่องขึ้นถึงระดับความเร็วเหนือเสียงได้ในพริบตา

เกรฟส์ชี้ว่าการเปิดเผยเรื่องเหล่านี้สำคัญต่อชีวิตและความปลอดภัยของนักบิน ซึ่งขึ้นอยู่กับการระบุตัวตนอย่างถูกต้องของอากาศยานที่กำลังเผชิญหน้าเป็นอย่างมาก แต่ที่ผ่านมาบรรดานักบินจากทุกสังกัด ไม่กล้ารายงานถึงปรากฏการณ์ UAP เพราะเกี่ยวข้องกับประเด็นอ่อนไหวด้านความมั่นคงของชาติ และมักส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออาชีพการงานของตน เนื่องจากพวกเขาจะถูกเจ้าหน้าที่รัฐตั้งคำถามและลดทอนความน่าเชื่อถือลง หลังออกมาเผยถึงเรื่องต้องห้ามดังกล่าว

ส่วนเดวิด ฟราเวอร์ อดีตนักบินประจำเครื่องบินขับไล่ F/A-18 ของกองทัพเรือ ผู้ซึ่งเคยพบเห็นยานบินลึกลับรูปทรงคล้าย “ทิกแท็ก” (Tic Tac) หรือหมากฝรั่งเม็ดเล็กยี่ห้อหนึ่ง บอกว่าปรากฏการณ์ UAP นั้นถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และความไม่โปร่งใสของกระทรวงกลาโหมในการแอบครอบครองและจัดการเทคโนโลยีต่างดาวโดยปราศจากการตรวจสอบนั้น ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

“สิ่งที่ผมได้เจอเมื่อปี 2004 เป็นเทคโนโลยีที่เหนือกว่าสิ่งประดิษฐ์ใดที่เราเคยมีมาทั้งหมด ทั้งยังเหนือกว่าทุกสิ่งที่เรามีแผนจะพัฒนาขึ้นในช่วงสิบปีหลังจากนี้ด้วย” ฟราเวอร์กล่าว

พยานทั้งสามคนยังให้การว่า มีความเป็นไปได้ที่เอเลียนจะสนใจในขอบเขตความสามารถด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และอาจกำลังทดสอบหาจุดอ่อนของระบบป้องกันภัยทางอากาศของสหรัฐฯอยู่ รวมทั้งมีการออกลาดตระเวนหรือสืบความลับในน่านฟ้าของสหรัฐฯ เป็นประจำด้วย

ขอบคุณข้อมูล – ภาพ BBC NEWS ไทย – Global NEWS