เมื่อวันที่ 31 ก.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ต.สัญญลักษ์ สังขะภักดี สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการที่ 1 และ 2 และนักเรียนสืบสวนรุ่น 110 จับกุมตัวนายธีระพงษ์ หรือ จ๊อก เอมิริ ปิยะวงค์ อายุ 20 ปี ชาว จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1941/2566 ลงวันที่ 22 มิ.ย. 66 ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งเเต่สองคนขึ้นไป หรือรับของโจร” โดยจับได้ที่หลังบ้านเลขที่ 7/29 ซอยไสวประชาราษฎร์ 31 ถนนลำลูกกา ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

สืบเนื่องจากมีชาวบ้านร้องขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผ่านเพจสืบนครบาลว่ารถที่ใช้ทำมาหากินมักสูญหายบ่อย จากการสืบสวนพบว่าเป็นฝีมือแก๊งบึงพระราม 9 ตระเวนออกลักรถ จยย.โดยใช้เวลาก่อเหตุช่วงห้าทุ่มถึงตีสอง โดยผู้ต้องหาจะเลือกรถที่ไม่ได้ล็อคคอ และจอดไว้แบบไม่ระวัง ก่อนจะหักคอรถเพื่อลักไปขาย

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช จึงส่งชุด “หมาล่าเนื้อ” สืบนครบาล พร้อมนักเรียนสืบสวน 110 ลงพื้นที่ตามเบาะแสปิดล้อมหัวหน้าแก็งค์บึงพระราม 9 ย่านปทุมธานี ที่หลบหนีกบดาน กระทั่งวันที่ 31 ก.ค.66 เวลาประมาณ 15.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พบชายซึ่งมีตำหนิรูปพรรณ คล้ายกันกับนายธีระพงษ์ ปิยะวงค์ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมแต่ปรากฎว่า เมื่อนายธีระพงษ์ฯ ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตกใจและวิ่งหลบหนีออกทางประตูหลังบ้านและเข้าไปในป่าหญ้าหลังบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดและสามารถควบคุมตัวไว้ได้ทัน ส่งผลให้นายธีระพงษ์ฯ ได้รับบาดเจ็บจากการถูกหนามในป่าข่วนทั่วร่างกาย

จากการสอบถามผู้ต้องหากล่าวยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง โดยอ้างว่าที่วิ่งหลบหนี ใส่เกียร์ม้าไม่คิดว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเนื่อง จากรูปหล่อมาก และได้เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาทำการรักษาพยาบาลเบื้องต้น

โดยนายธีระพงษ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และให้การปฏิเสธในข้อหารับของโจร และให้การเพิ่มเติมว่า เมื่อประมาณต้นปี 2566 ตนประกอบอาชีพเป็นพนักงานขับรถส่งสินค้า Lalamove และพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 7/29 ซ.ไสวประชาราษฎร์ 31 จ.ปทุมธานี ได้มีเพื่อนชื่อ นายดิ๊ก (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ชักชวนให้ไปลักรถจยย.ที่จอดทิ้งไว้ แล้วจะให้เงิน 3-4 พันบาท ต่อรถจยย.1 คัน โดยให้ตนขับรถจยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 110ไอ สีเทา-ดำ ทะเบียน 6ขฎ-7539 กทม. (ขณะก่อเหตุได้ถอดแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวออก) ยันรถคันที่ก่อเหตุมายังจุดที่นัดหมายโดยมีนายดิ๊กฯ เป็นคนขี่ แล้วตนก็แยกกลับไปก่อน

นายธีรพงษ์ กล่าวอีกว่า โดยครั้งแรก ตนได้ลักรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีแดง จำหมายเลขทะเบียนและวันก่อเหตุไม่ได้ จากบริเวณซอยพัฒนาการ และได้รับเงินจากการลักรถจักรยานยนต์คันแรกเป็นเงินสด 3 พันบาท จากนายดิ๊กฯ ที่ได้ร่วมกันลักทรัพย์ และได้แยกย้ายกันไป และก่อเหตุครั้งที่ 2 บริเวณอ่อนนุช ได้ไปลักรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีน้ำเงิน จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ และได้เงินจากการลักรถครั้งนี้มา 4พันบาท และก่อเหตุครั้งที่ 3 บริเวณอ่อนนุชเช่นเดิมเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ 110 สีดำ จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ และได้เงินจากการลักรถครั้งนี้ เป็นเงิน 3พัน บาท โดยก่อเหตุครั้งที่ 4 นายดิ๊กฯได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไปแล้ว ตนจึงได้ร่วมกันกับนายเอ็ม (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ลักทรัพย์บริเวณมักกะสันเป็นรถจยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 125 สีดำ-แดง จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้และไม่ได้เงินตอบแทนในครั้งนี้เนื่องจากนายเอ็มถูกจับกุมได้ขณะก่อเหตุ ส่วนตนหลบหนีมาได้

และก่อเหตุครั้งสุดท้าย ได้ร่วมกันกับนายเกรท (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ไปลักรถจยย.ยี่ห้อ ฮอนด้ารุ่น เวฟ 110 สีแดง บริเวณเขตคลองตันและได้รับเงินจำนวน 4พันบาท ก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนีไป กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวในที่สุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “การก่อเหตุของกลุ่มบึงพระราม 9 สร้างความเดือดร้อนกับประชาชนเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่ใช้ประกอบอาชีพสุจริต โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงขอประชาสัมพันธ์ผู้ใดมีเบาะแสอาชญากรรมโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.