นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการณีที่มีข่าวเด็กหญิงวัย 2 ขวบ กินมะยมดองติดคอจนเสียชีวิต และญาติผู้เสียชีวิตได้อ้างว่า ขณะที่เกิดเหตุนั้น ได้พาน้องผู้เสียชีวิตไปที่ รพ.สต.จะกง แล้ว ไม่พบเจ้าหน้าที่อยู่ประจำที่ รพ.สต. ดังกล่าว ตนขอชี้แจงว่าในขณะนั้น รพ.สต.จะกง พบหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด ว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ โดยขณะเกิดเหตุ ญาติได้พาน้องผู้เสียชีวิตมาที่ รพ.สต. และร้องเรียกเจ้าหน้าที่สักพัก ได้มีเจ้าหน้าที่วิ่งออกมาจากด้านหลัง รพ.สต. ดังกล่าว และได้พยายามช่วยเหลือในเบื้องต้น ด้วยการจับหลังกดตรงบริเวณลิ้นปี่ เพื่อที่จะได้กระตุ้นให้เกิดแรงดัน เอาสิ่งแปลกปลอมออกมา แต่ว่าระหว่างที่ทำได้ 2-3 ครั้ง สิ่งแปลกปลอม (เม็ดมะยม) ก็ไม่ยอมออกมา

เจ้าหน้าที่จึงแนะนำให้ญาติรีบนำเด็กไปที่โรงพยาบาลวังหิน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด เพราะตอนนั้นหากจะเรียก 1669 คงต้องใช้เวลานานหลายนาทีกว่าที่รถจะมา ญาติของเด็กจึงตัดสินใจนำรถส่วนตัวส่งเด็กไปที่โรงพยาบาลวังหิน เอง เพื่อให้ทันท่วงที พอไปถึงโรงพยาบาลวังหิน แพทย์ที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน เห็นว่าเด็กตัวเขียวอาการแย่แล้ว จึงมีการกระตุ้นหัวใจ และได้มีการใช้เครื่องส่องหลอดลมเข้าไปในหลอดลมเด็ก และก็พบเม็ดมะยมในหลอดลม เหนือกล่องเสียงของเด็ก แสดงว่าลงไปลึกพอสมควร แพทย์โรงพยาบาลดังกล่าว จึงได้ใช้ที่คีบหยิบเม็ดมะยมออกมา ทำให้รู้ว่าวิธีการกระตุ้นเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาจากลำคอ หรือหลอดลมแบบปกติ ไม่ได้ผลสำเร็จเท่าที่ควร พอนำเม็ดมะยมออกมาได้ แพทย์ก็ได้เร่งช่วยชีวิตเด็ก แต่จากการที่เด็กขาดอากาศหายใจนานเกินไป ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้เด็กเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวถือเป็นกรณีที่ต้องช่วยเหลือผู้ประสบเหตุให้ทันท่วงทีภายใน 4 นาทีแรก ทำให้ผู้ปกครองต้องมีความรู้ช่วยฉุกเฉินในเบื้องต้น ถ้าเกินเวลา 4 นาที และสิ่งแปลกปลอมอุดตันจนตัวเขียว จะทำให้ผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤติ ทั้งนี้ในส่วนของ รพ.สต. เราจะมีอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่แม้จะอยู่สังกัดไหน เราก็ต้องทำงาน โดยเฉพาะการดูแลประชาชน ไม่ว่าจะในเวลาราชการ หรือนอกเวลาราชการ ภายในศักยภาพเท่าที่มี ในส่วนสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เราได้มีให้ขึ้นเวรนอกเวลาราชการ แต่เราจะมีการขึ้นเวรถึงเวลาประมาณ 20.00 น. นอกจากนั้น จะเป็นเวรที่ต้องตาม ซึ่งก็คือ เวลามีผู้มาใช้บริการ หรือมีคนป่วย ถ้าไม่พบเจ้าหน้าที่หลัง 20.00 น. ก็อาจจะต้องมาตามที่บ้านพัก หรือ โทรศัพท์ตามเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จะมาให้บริการกับผู้มาใช้บริการตามปกติ ในส่วนของรถส่งต่อ กู้ชีพ กู้ภัย ทางเราพยายามจะมีการผลักดันให้ทุกท้องถิ่นให้มี เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน