สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองอุรุมชี ประเทศจีน เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ว่า ความมีชีวิตชีวาดังกล่าว มาจากการรวมตัวกันของเหล่านักแสดงจากคณะศิลปินมู่ข่าหมู่ แห่งโรงละครศิลปะซินเจียง กับคณะศิลปนาฏดุริยางค์ แห่งสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ของไทย ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมเทศกาลเต้นรำนานาชาติซินเจียงแห่งประเทศจีน ครั้งที่ 6
นักแสดงหญิงชาวไทยผู้นุ่งโจงกระเบนสีเข้มอย่าง “สุวรรณี ชูเสน” เป็นหนึ่งในผู้ร่วมร่ายรำกลางศาลาตามจังหวะจากเครื่องดนตรีไทยอย่างกลองยาว ขลุ่ยไม้ และซอด้วง ที่ผสมผสานกับเครื่องดนตรีจีนอย่างกลองโส่วกู่ และเครื่องสายเร่อหว่าผู่ของกลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์
สุวรรณีซึ่งเยือนซินเจียงครั้งแรก และร่วมทำการแสดง “โขน-รามเกียรติ์ และระบำสี่ภาค” กล่าวว่า ตอนแรกที่ได้ยินเสียงของเครื่องสายเร่อหว่าผู่ รู้สึกว่าค่อนข้างมีเอกลักษณ์ และพอเล่นคู่กับซอด้วง ก็ประสานกันอย่างลงตัวสมบูรณ์แบบมาก
ด้าน “เอกลักษณ์ หนูเงิน” นักแสดงชายชาวไทยอีกคนร่วมร่ายรำด้วยท่วงท่าอ่อนช้อยงดงาม ซึ่งกลายเป็นแรงดึงดูด “เร่อจือย่า หยาเซิง” นักเต้นของคณะศิลปินมู่ข่าหมู่ในชุดสีแดง ก้าวเข้าร่วมเต้นรำม่ายซีหลายฝู่ของซินเจียง ก่อนฝึกร่ายรำตามนักแสดงชาวไทย
เร่อจือย่ากล่าวว่า การร้องรำทำเพลงนั้น ไร้พรมแดนและกำแพงภาษา แม้ไม่ได้ซักซ้อมแต่ก็เข้าใจกันได้โดยปริยาย โดยรำไทยดูนุ่มนวลอ่อนช้อยกว่าเต้นรำม่ายซีหลายฝู่ แต่ท่วงท่า การบิดตัว และการกลับตัวดูคล้ายกันมาก รวมถึงสร้างความสุขสนุกสนานเหมือนกัน
อนึ่ง การรวมตัวนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้พหุวัฒนธรรมระหว่างเทศกาลนี้ ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 20 ก.ค.-5 ส.ค. นี้ โดยมีบรรดาศิลปินหลายพันคนจากเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา เดินทางมาศิลปะการแสดงแขนงต่างๆ เช่น บัลเลต์ ละครรำพื้นบ้าน ละครเพลงและระบำ
นางจินตนา สายทองคำ คณบดีคณะศิลปนาฏดุริยางค์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าวว่า เทศกาลนี้ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนศิลปะหลายแขนง อีกทั้งช่วยให้ผู้คนเข้าใจประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง จึงหวังว่าการแลกเปลี่ยนทางศิลปะ จะเกื้อหนุนมิตรภาพระหว่างสองประเทศยืนยาวยิ่งขึ้น.
ข้อมูล-ภาพ : XINHUA