หลังจากที่ไอดอลสาวชาวไทยสุดฮอต “ลลิษา มโนบาล” หรือ ลิซ่า “BLACKPINK” ที่มาปลุกกระแสให้วงการเพลงโดยปล่อยซิงเกิ้ลล่าสุด “LALISA” ทำยอดวิวทะยานพุ่งไม่หยุดอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีการนำศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปผสมผสานในมิวสิกวิดีโอได้อย่างลงตัว เพื่อแสดงออกถึงตัวตนของ “ลิซ่า” ที่เป็นชาวไทยนั้น

นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า จากมิวสิกวิดีโอดังกล่าว ตนได้ดูแล้ว และขอชื่นชมศิลปินที่มีการนำมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทยในหลายเรื่องไปเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก เช่น ผ้าไทย การรำไทย เป็นต้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยสามารถนำไปประยุกต์สอดแทรกเข้ากับการแสดงได้ในหลายรูปแบบ ซึ่งถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะทำให้มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมไม่ตาย ทั้งยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับศิลปวัฒนธรรมไทยได้ นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งยืนยันตามที่เว็บไซต์ U.S. News ได้จัดอันดับประเทศที่มีมรดกวัฒนธรรมที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2021 จากทั้งหมด 78 ประเทศ ซึ่งประเทศที่ได้อันดับ 1 คือ สเปน อันดับ 2 อิตาลี และอันดับ 3 กรีซ ส่วนไทยได้อันดับ 7 ของโลก โดยไทยมีอันดับดีขึ้นกว่าเมื่อปี 2020 ที่อยู่อันดับ 9 ของโลกด้วย

ด้านนายสุรัตน์ จงดา หรือ “ครูไก่” ผู้ช่วยอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) กล่าวว่า นับว่าผลงานมิวสิกวิดีโอของ “ลิซ่า” เป็นงานสร้างสรรค์ที่ลงตัว นำเสนอความเป็นไทยในระดับสากล นับว่าเป็นงาน “สร้างสรรค์ศิลป์” ทำให้ต่างชาติรู้จักเมืองไทยมากขึ้น ส่วนประเด็นดราม่าที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่ “ลิซ่า” สวมใส่บนศีรษะว่ามีลักษณะคล้ายชฎา จะมีความเหมาะสมหรือไม่นั้น เป็นการวิจารณ์ที่มาจากคนที่ไม่มีความรู้เรื่องนาฏศิลป์ เพราะที่ปรากฎในมิวสิกวิดีโอ คือสิ่งที่เรียกว่า ศิราภรณ์ รูปทรงรัดเกล้า จะใช้สำหรับตัวละครที่เป็นผู้หญิง ส่วนชฎา จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า และสูงกว่า จะใช้สำหรับตัวละครที่เป็นผู้ชาย และไม่ว่าจะเป็นชฎา หรือ ศิราภรณ์ ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการแสดงได้ ที่สำคัญยอดแหลมของศิราภรณ์ หรือชฎา เมื่อชาวต่างชาติเห็นมั่นใจได้เลยว่าจะต้องนึกถึงเมืองไทย เพราะตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีคณะละครไทยไปตระเวนแสดงที่ทวีปยุโรป ทำให้หลายประเทศในทวีปยุโรปรู้จักการแต่งกายของคณะละครไทยมาตั้งแต่ยุคนั้น