ถูกจับตามองตั้งแต่บอกว่านักร้องสาวคนดัง ลิซ่า BLACKPINK (ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล) จะมาให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวู้ดดี้โชว์แล้ว และยิ่งล่าสุดจากความร้อนแรงของเธอทำให้หลายคนตั้งตารอการพูดคุยของสาวลิซ่าหนักมากทีเดียว

ลิซ่า เผยว่า “รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการในไทย ขอบอกเลยว่าเมื่อคืน นอนไม่หลับ นอนแบบตี 3-4 หนูตื่นเต้นมาก หนูรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้มาคุยกับพี่วู้ดดี้ในวันนี้ หนูไม่ได้กลับไทยมาปีกว่าเกือบ 2 ปีแล้วค่ะ คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ คิดถึงอาหารที่พวกเขาทำให้กิน คิดถึงบุรีรัมย์มากอยากไปมากๆ เลย เพราะว่าไม่ได้เจอคุณยายมานานแล้วเหมือนกันค่ะ สิ่งที่อยากทำอยากกลับไปไหว้คุณตาค่ะ ส่วนลูกชิ้น​ (หัวเราะ) มันเป็นอะไรที่แบบว่าป๊อปปูลาร์มาก ที่เราต้องไปยืนกินลูกชิ้นตรงสถานีรถไฟบุรีรัมย์ค่ะ ที่เกาหลีไม่มีลูกชิ้นนี้ค่ะ มันเด็ดตรงที่น้ำจิ้มบุรีรัมย์ เจ้านั้นคือแบบว่ามันเด็ดมากๆ แล้วต้องเป็นเจ้าที่มีน้ำพริกเผาด้วยค่ะ”

“ส่วน 3 คำที่บ่งบอกตัวเราคือ สวย เฟรนด์ลี่ ทาสแมว กลัวที่สุดคือผีค่ะ​ (หัวเราะ) มีแมวเป็นเพื่อนค่ะตอนนอน ต้องเปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้ค่ะ หรือไม่ถ้าปิดไฟก็ต้องเปิดเพลงไว้ไม่งั้นนอนไม่ได้ค่ะ เรื่องเป็นทาสแมวเพราะที่บ้านหนูเลี้ยงแมวตั้งแต่ ป.2 เลยคุ้นเคยกับเขา รู้สึกว่านิสัยเรากับนิสัยแมวมันเข้ากันได้ จะเอามานอนด้วยเป็นบางครั้งค่ะเพราะว่าขนเยอะ เขาก็จะชอบเอาคางมาก่ายตรงหัวหนู แล้วมีแย่งหมอนด้วยนะคะ ซึ่งช็อกโกแลตคือของหวานที่รู้ว่าไม่ควรกินแต่หนูก็กินค่ะ อาชีพในฝันของหนูถ้าไม่ทำงานบันเทิงจริงๆ​ ก็อยากเป็นครูสอนเต้นค่ะ ซึ่งหนูได้ลองเป็นครูสอนเต้นไปแล้วค่ะ ตอนเต้นที่ไม่หอบเลยเคล็ดลับคือ I’m fine! I’m totally fine! ไม่เหนื่อยเลย เราต้องโฟกัสคิดว่าสามารถทำได้​ (ยิ้ม) ชอตแรกกับเกาหลีที่จำไม่เคยลืมคือน่าจะเป็นวันแรกที่เข้าไปในห้องซ้อม แล้วทุกคนก็จะต้องมายืนเรียงกันแนะนำตัว ยังจำได้วันนั้นเลย แล้วอยู่ดีๆ คุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าไปแล้วนะ ไปไหน หนูไม่กลับด้วยเหรอ No! อยู่ต้องอยู่ต่อ 3 เดือน มาทิ้งเราไว้ในนี่แล้วก็ไปเลย หนูปรับตัวได้แล้วค่ะ ปรับตัวได้ตั้งแต่ปีแรก”

ลิซ่า เล่าต่อว่า “ความท้าทายเดินตามฝันคนเดียวที่เกาหลี สำหรับหนูตอนเด็กๆ ท้าทายหลายอย่างมากๆ เพราะว่าเราต้องมาอยู่คนเดียว ต้องตัดสินใจคนเดียว ใช้เงินคนเดียว คือไม่เคยทำอะไรเลย แล้วหนูติดแม่มากๆ เลย บางทีเราเหนื่อยก็อยากจะไปอ้อนแม่แต่ทำไม่ได้ เราก็ทำได้แค่ Call VDO อย่างเดียว แล้วก็เรื่องภาษาด้วยค่ะมันยาก เราพูดไม่รู้เรื่อง เรื่องคุยกับพ่อแม่ Everyday ทุกๆ วันเลยค่ะ หลังเลิกซ้อมเราจะต้องอัพเดทแม่แล้ว วันนี้เราทำอะไรบ้าง เรียนเพลงอะไรบ้าง เอาจริงๆที่คนรักหนูเยอะไม่เคยคิดค่ะ ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมาเป็นหนูได้อย่างทุกวันนี้ คือตอนนั้นด้วยความที่เรารู้สึกว่าเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่พอมาถึงจุดๆ นี้มันใหญ่กว่าที่เราคิด”

“โซโล่เดี่ยวของหนูที่ปล่อยไป ตื่นเต้นมากๆ ค่ะ เพราะว่าหนูเตรียมตัวทำอัลบั้มนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ใช้เวลานานมากๆ แต่ว่าพวกเราอยากจะทำให้มันเพอร์เฟกต์ที่สุด อยากให้ทุกคนชอบจริงๆ คือในที่สุดมันออกมาแล้วรู้สึกโล่ง รู้สึกเหมือนคนท้องแก่เมื่อไหร่ลูกจะคลอดอะไรแบบนี้ (หัวเราะ) ในที่สุดมันออกมา โอเค! สิ่งที่เรากังวลหายไปหมดเลยค่ะ ความรู้สึกตอนทำเดี่ยว ความรู้สึกคือมันไม่ชินมากกว่า เพราะปกติเราจะชินกับการอยู่กัน 4 คน คนนี้ตอบคำถามอันนี้นะ พอเราคุยคนเดียวก็จะค่อนข้างกดดัน แต่วันนี้เป็นสัมภาษณ์แรกเลยนะคะที่หนูทำเดี่ยว หนูรู้สึกไม่ค่อยกังวลมากเพราะว่าพี่วู้ดดี้เป็นกันเองมาก ต้องขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ส่วนคอนเซปต์เพลงจริงๆ แล้วคอนเซปต์เป็นอะไรที่ Myself Me มากๆ เลย คือเป็นตัวเราจริงๆ เลย แล้วแบบว่าอัลบั้มชื่อ สิ่งที่ตื่นเต้นในอัลบั้มนี้คือการตื่นเต้นอยากรู้ว่ารีแอคชั่นของแฟนๆ แต่ละคน เขาจะชอบเพลงหนูมากน้อยแค่ไหน ด้วยความที่ Lalisa มีท่าเต้นที่แบบ Very catchy มากๆ อยากเห็นทุกคนทำชาเลนจ์ค่ะ”

ลิซ่า เล่าอีกว่า “อยากจะบอกเลยว่าหนูเริ่มด้วยการเป็นเด็กบุรีรัมย์ อย่างที่บอกในตอนแรกว่าไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมาอยู่จุดๆ นี้ได้ แต่หนูรู้สึกว่าความฝันของเด็กๆ Powerful เป็นอะไรที่มาจากใจเขาจริงๆ เลยคิดว่าคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองถ้าเกิดว่ามีโอกาสหรือสามารถสนับสนุนเขาให้ไปตามฝันได้ หนูอยากจะให้คุณพ่อคุณแม่สู้ด้วยเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่แค่น้องๆ อย่างเดียว เป็นด้วยสภาพแวดล้อมของเด็กๆด้วย ที่จะทำให้เขาสามารถไปถึงจุดๆ นั้นได้ เราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าคิดว่าการที่เราฝันอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ บางคนอาจจะ ห๊ะ! ยูเหรอ? อย่าไปฟังเราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เราทำได้อยู่แล้วค่ะ ขอขอบคุณทางรายการมากๆ ให้หนูได้มีโอกาสมาพูดคุยกับทุกคน Lalisa เป็นโซโล่ซิงเกิ้ลอัลบั้มครั้งแรกของหนู ซึ่งมีความหมายกับหนูมาก หนูชอบมัน แล้วพวกเราทุกคนตั้งใจทำอัลบั้มนี้มาก อยากให้ทุกคนรักให้กำลังใจและเป็นกำลังใจให้กับหนูไปตลอดค่ะ”