เมื่อวันที่ 21 ส.ค. นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อม.อธ.11/2565 ที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ) ในวันที่ 22 ส.ค. ว่า พรุ่งนี้ศาลนัดเวลา 10.00 น. ทางนายสุเทพจะเดินทางไปตามนัดฟังคำพิพากษา ส่วนจำเลยคนอื่น จากการประสานก็ทราบว่า จะเดินทางไปฟังคำพิพากษาทุกคน ก็มีความพร้อม ส่วนรายละเอียดก็คงได้หลังจากฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้น แต่หากผู้สื่อข่าวอยากถามอะไร ก็ถามได้

เมื่อถามถึงกำหนดนัดอ่านคำพิพากษา วันเวลาตรงกันกับการส่งตัวนายทักษิณ มาที่ศาลฎีกา หากพบหน้ากัน นายสวัสดิ์ กล่าวว่า คงจะไม่มีอะไร เพราะนายสุเทพ ก้าวผ่านตรงนั้นมานานแล้ว และเชื่อว่าอาจจะไม่ได้เจอกันในศาลฎีกา เพราะคงแยกห้องพิจารณากัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. โจทก์ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 9 มิ.ย.52-18 เม.ย. 56 จำเลยที่ 1 และที่ 2 เปลี่ยนแปลงแนวทางจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง จากราคาภาคแยกสัญญามาเป็นการรวมจัดจ้างก่อสร้างไว้ที่ส่วนกลางสัญญาเดียว จำเลยที่ 5 เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยจำเลยที่ 6 ยื่นเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคาได้เสนอราคาต่ำอย่างผิดปกติ จำเลยที่ 3-4 ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคา ไม่ตรวจสอบราคาที่ผิดปกติดังกล่าว และได้นำเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคานั้นไปใช้ในการขออนุมัติจ้างและใช้ประกอบเป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา ต่อมา จำเลยที่ 5 ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจำเลยที่ 3, 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10, 12 กับลงโทษจำเลยที่ 5, 6 ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิด

ซึ่งเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 65 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด ยกฟ้องจำเลยทั้ง 6