เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 22 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร มาถึงศาลฎีกา จากนั้นจะพาตัวนายทักษิณไปยังห้องพิจารณาคดีที่ 205 เพื่อทำตามขั้นตอนยืนยันตัวบุคคลตามหมายจับและบุคคลตามคำพิพากษา กระทั่ง 11.00 น. มีขบวนรถตำรวจฟอร์จูนเนอร์ เลขทะเบียน 00364 พานายทักษิณ ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยที่ศาลฎีกาใช้เวลาทั้งสิ้น 40 นาที

‘ทักษิณ’ ถึงศาลฎีกาลุ้นคำพิพากษา คดีหวยบนดิน-ทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์-สัมปทานเอื้อชินคอร์ป

ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า เวลา 10.40 น. พ.ต.อ.คมวุฒิ จองบุญวัฒนา ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานกรุงเทพ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้นำบุคคลตามหมายจับมาส่งต่อศาล ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ทั้งสามคดียืนยันว่านายทักษิณ ชินวัตร บุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลเป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดี จำเลยหรือจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นจำเลยในคดีทั้งสาม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตรวจสอบบุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลแล้ว เป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดี ดังนี้ (1) คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย

(2) คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ระหว่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน จําเลย

(3) คดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 9/2551 ของศาลนี้ ระหว่าง อัยการสูงสุดโจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย จึงรับตัวจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดีดังกล่าวไว้ ศาลได้แจ้งให้จำเลยหรือจำเลยที่ 1 ทราบคำพิพากษาแล้ว โดยคดีหมายเลขดำที่ อม. 3 /2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ ลงโทษจำคุก 3 ปี (สามปี) คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10 /2552 ลงโทษจำคุก 2 ปี (สองปี) และคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2551คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 คดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ปลงโทษจำคุกรวม 5ปี (ห้าปี) นับโทษจำคุกของจำเลยต่อ จากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 และต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในแต่ละคดีแล้ว

ผู้สื่อข่าว สรุปรวมโทษจำคุกทั้งหมดแล้ว 10 ปี แต่มีการนับโทษต่อกัน ดังนั้นจึงเหลือจำคุกจริงเพียง 8 ปี