เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย และ พ.ต.ต.พงศธร รัชตวัชรางกูร สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ป. เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 2 จุด ในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อล่าตัวเท้าแชร์ออนไลน์ “บ้านนู๋แต้วออมเงินออมทอง” หลังก่อเหตุหลอกลวงชาวบ้านลงทุนเล่นแชร์ออนไลน์ จนมีเหยื่อหลงเชื่อนับร้อยราย สูญเงินรวมกว่า 9 ล้านบาท
สำหรับจุดสำคัญเป็นบ้านพักชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด เลขที่ 175/2 หมู่ 1 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่พักของ น.ส.ขนิษฐา อายุ 34 ปี เท้าแชร์ออนไลน์ดังกล่าว และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 330/2566 ลงวันที่ 31 ม.ค. 2566 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน, โฆษณาให้ปรากฏแก่บุคคลสิบคนขึ้นไปในการยืมเงินโดยอ้างว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด หรือ นำเงินจากการกู้ยืมรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียน, และนำเข้าสู่ระบอบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ”
จากการขอเข้าตรวจสอบภายใน พบ น.ส.ขนิษฐา กำลังนอนพักผ่อน จึงแสดงหมายจับให้เจ้าตัวรับทราบ ก่อนเข้าคุมตัวพร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคารจำนวนหนึ่งไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยว่า เนื่องจากเมื่อปี 65 น.ส.ขนิษฐา ได้โพสต์เฟซบุ๊กชักชวนผู้คนให้นำเงินมาร่วมลงทุนวงแชร์ อ้างได้ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 50 ช่วงแรกมีการจ่ายผลตอบแทนจริง ก่อนจะเริ่มตัดขาดการติดต่อ แล้วปิดวงแชร์หนีไป มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 9 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า เงินที่ได้ส่วนใหญ่นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และหมุนจ่ายเป็นดอกเบี้ยให้สมาชิก ในลักษณะนำเงินสมาชิกใหม่มาจ่ายดอกเบี้ยให้กับสมาชิกเก่า ไม่ได้นำไปใช้ลงทุนให้เกิดผลประโยชน์งอกเงย หลังไม่มีสมาชิกใหม่ เงินก็หมด จึงเปิดวงแชร์ระยะสั้นขึ้นมาใหม่ เพื่อหาเงินมาจ่ายให้กับสมาชิกเก่า
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า น.ส.ขนิษฐา อ้างว่าเมื่อหมุนเงินไปได้ระยะหนึ่งก็เกิดปัญหาไม่มีเงินจ่าย จึงทำให้วงแชร์ล้มลงในที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ ที่ภายในบ้านผู้ต้องหารายนี้ไม่มีทรัพย์สินมีค่าแต่อย่างใด ทั้งบ้านมีเพียงพัดลมเก่า 1 ตัว กาต้มน้ำร้อน 1 เครื่อง และที่นอน 1 หลัง พร้อมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจำนวนหนึ่ง ไร้ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้เชื่อในคำให้การทั้งหมด โดยกองปราบฯ ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินให้แน่ชัดว่า มีการผ่องถ่ายไปไว้ที่ใดหรือแปลงเป็นทรัพย์สินอื่นๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบหรือไม่ต่อไป.
