เมื่อวันที่ 25 ส.ค. พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า เมื่อวานซืน (23 ส.ค.) ได้ทำการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยใช้เครื่องแอคโค่ โมบาย วันนี้ใช้เครื่องแอคโค่ใหญ่ พบว่ายังมีอาการน่าเป็นห่วงอยู่ จากการตรวจปอด และหัวใจ ยังมีอาการน่าเป็นห่วง ส่วนระยะเวลาที่ใช้ในการรักษา ยังไม่สามารถระบุได้

ส่วนความดันยังทรงตัว ไม่ถึงกับทรุด ยังมีสติสามารถพูดคุยกับหมอได้ ทั้งนี้อาการทั้งหมดได้รายงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้ว ทั้งนี้ห้องที่นายทักษิณ รักษาตัวอยู่ ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำห้องให้เป็นกึ่ง ICU หรือที่เรียกว่า IMCU สามารถเคลื่อนย้ายอุปกรณ์รักษาได้

ทั้งนี้ การรักษาของนายทักษิณ ทางโรงพยาบาลไม่ได้เป็นผู้ร้องขอ แต่ทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นผู้ร้องขอให้ส่งมาแบบด่วน โดยไม่มีเวลาให้ตั้งตัว เรารับมาเป็นกรณีเดียวกับผู้ป่วยฉุกเฉินทั่วไป โดยห้องไหนว่าง ก็ให้เข้าไปอยู่ห้องนั้น

ส่วนกรณีที่ญาติประสานเข้ามาจะเยี่ยมนายทักษิณได้นั้น ส่วนนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนทางการแพทย์ยังไม่พ้นเวลาการกักตัว ที่เป็นไปตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์

จากกรณีที่มีหลายฝ่ายขอให้มีแพทย์จากหน่วยงานกลางมาร่วมสังเกต พล.ต.ท.โสภณรัชต์ เผยว่า เคสผู้ป่วยทุกราย ไม่เคยมีหน่วยงานไหนต้องเข้ามาตรวจสอบ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ส่งมาจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นายทักษิณ ไม่ใช่รายแรกที่ส่งมา เพราะที่ผ่านมา เคยส่งมาเยอะทั้งวัน ซึ่งเป็นแบบนี้มา 30 กว่าปีแล้ว ไม่เคยมีหน่วยงานไหนเข้ามาร้องขอตรวจสอบ เพราะเป็นสิทธิของผู้ป่วย ซึ่งเคสปกติที่ไม่ใช่ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็ไม่สามารถละเมิดสิทธิของผู้ป่วยได้ เป็นจริยธรรมและจรรยาบรรณทางการแพทย์ ดั้งนั้นตัวหมอที่ถูกร้องขอ ก็ไม่สบายใจไปด้วย

ส่วนเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดในการรักษาของผู้ป่วยไม่ได้นั้น เพราะมีกฎหมายคุ้มครองผู้ป่วยในเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดอยู่ ต้องขออนุญาตทั้งตัวผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วยด้วย

กรณีเรื่องแอร์เสียนั้น ตอนนี้ซ่อมแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้ซ่อมสำหรับคนไข้รายใดรายหนึ่ง เราซ่อมทั้งชั้น ตอนนี้ใช้การได้ปกติ แต่ไม่ได้เย็นมาก ส่วนเรื่องวิวที่บอกว่าห้องของนายทักษิณ นั้นสวย ต้องยืนยันว่า ห้องผู้ป่วยโรงพยาบาลตำรวจ สวยทุกตึก ไม่ว่าห้องไหนก็สวย

กรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายนายทักษิณ ไปโรงพยาบาลเอกชนนั้น ทางโรงพยาบาลตำรวจนั้นมีศักยภาพมาก มีเครื่องมือพร้อมที่จะรักษานายทักษิณ ได้ ไม่ย้ายไปไหนเด็ดขาด การย้ายมีทางเดียวคือย้ายกลับราชทัณฑ์ แต่หากราชทัณฑ์เผยว่าการรักษาของโรงพยาบาลตำรวจ ยังไม่มีประสิทธิภาพ ทางราชทัณฑ์จะส่งไปไหนก็แล้วแต่ดุลพินิจของกรมราชทัณฑ์ ทั้งนี้โรงพยาบาลตำรวจไม่มีอำนาจในการส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเอกชนได้

ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลมีหน้าที่รักษาผู้ป่วยเท่านั้น เรื่องการเมืองหรือการรักษาความปลอดภัย ทางโรงพยาบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง.