บริษัทขนส่งพัสดุชื่อดัง ‘ยูพีเอส’ ออกแถลงการณ์กรณี คริสโตเฟอร์ เบกลีย์ พนักงานส่งของวัย 57 ปี เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในสัปดาห์นี้ หลังจากล้มป่วยช่วงต้นเดือนที่แล้ว ระหว่างอยู่บนเส้นทางการส่งพัสดุของเขาในพื้นที่เทกซัสเหนือ ท่ามกลางอุณหภูมิร้อนจัดที่พุ่งสุงถึง 100 องศาฟาเรนไฮต์ (ราว 37.7 องศาเซลเซียส) อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชันสูตรยังคงสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

เบกลีย์ เสียชีวิตเพียงเดือนเดียว หลังจากที่ ยูพีเอส ทำข้อตกลงกับสหภาพแรงงานสหรัฐ ว่าจะติดตั้งระบบทำความเย็นหรือติดแอร์ในรถขนส่งพัสดุให้พนักงานที่ออกไปส่งของ รวมถึงออกมาตรการเพื่อปรับปรุงสภาพการทำงานของพนักงานให้ดีขึ้น

ในตอนแรก เบกลีย์ ซึ่งเป็นพนักงานของ ยูพีเอส มาร่วม 27 ปีแล้ว ได้บอกกล่าวต่อทีมผู้จัดการของเขาว่า เขารู้สึกไม่สบายเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2566 ระหว่างทำงาน และได้รับอนุญาตให้หยุดปฏิบัติงานภายในวันนั้นเลย ต่อมา เบกลีย์ ก็ขอลาหยุดหลายวัน ซึ่งบริษัทก็อนุมัติให้ตามคำขอ

ยูพีเอส อ้างว่าขณะเกิดเหตุ บริษัทได้ตอบสนองต่อการแจ้งเหตุของพนักงานเพื่อให้ความช่วยเหลือในทันที โดยเน้นย้ำกับเจ้าตัวว่า เขาต้องมีน้ำดื่มเพียงพอและอยู่ในสถานที่ที่อุณหภูมิต่ำ แต่ทาง เบกลีย์ ปฏิเสธความช่วยเหลือทางการแพทย์หลายครั้ง หลังจากที่รู้สึกไม่สบาย โดยอ้างว่าเขารู้สึกดีขึ้นแล้ว

หลังจากนั้นอีกหลายวัน ผู้จัดการทางยูพีเอสจึงพบว่า เบกลีย์ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นที่ที่เขาเสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่นาน

เมื่อปีที่แล้ว มีพนักงานยูพีเอสถ่ายภาพเทอร์โมมิเตอร์ที่วัดอุณหภูมิภายในห้องโดยสารของรถตู้ของบริษัท ซึ่งชี้ให้เห็นระดับความร้อนที่ 120 องศาฟาเรนไฮต์ โดยประมาณ (ราว 48.8 องศาเซลเซียส) นอกจากนี้ ยังมีผู้โพสต์คลิปวิดีโอของพนักงานยูพีเอสที่หมดสติ เนื่องจากต้องเผชิญกับสภาวะอากาศร้อนจัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของสหรัฐ สร้างความไม่พอใจแก่สาธารณชน จนกลายเป็นเงื่อนไขของสหภาพแรงงาน ที่ต้องการให้บริษัทติดตั้งเครื่องทำความเย็นในรถขนส่งพัสดุ เพื่อสวัสดิภาพของพนักงานที่ต้องต่อสู้กับอากาศที่ร้อนจัดบนเส้นทาง 

ที่มา : cbsnews.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES