เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะนำ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 77 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งให้แต่งตั้งตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้ (1) ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศพลตำรวจเอกซึ่งดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ หรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมาตรา 78 การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77(1)(2)(3)(4)(5)(6) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ 

การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77 (1)ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อพนักงานตำรวจผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 77(1) โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกันโดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม เสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนแล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง

ทั้งนี้มีรายงานอีกว่า ตามเจตนารมย์ของกฎหมายต้องการให้แต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้คำนึงถึงความอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน หมายความว่าให้น้ำหนักอาวุโสต้อง 50% และความรู้ความสามารถอีก 50% อย่างละเท่าๆกัน ดังนั้นคณะกรรมการที่พิจารณาต้องเอาอาวุโสขึ้นพิจารณาก่อนโดยแบ่งเป็นคะแนนอาวุโสกับความรู้ความสามารถอย่างละ 50% เท่าๆกัน เมื่อเรียงอาวุโสแล้วใครอาวุโสสูงสุดในระดับพลตำรวจเอกด้วยกัน ตั้งแต่จเรตำรวจแห่งชาติ หรือรองผู้บัญชาการตำรวจเมื่อเรียงอาวุโสแล้วใครอาวุโสสูงสุดคนที่อาวุโสสูงสุดก็จะได้คะแนนเต็ม 50% ส่วนคนที่รองลงมาก็เฉลี่ยลงมาว่าจะได้กี่% โดยเอาคนอาวุโสสูงเป็น 100% โดยนับจากคนที่อาวุโสสูงสุดกับอายุราชการด้วยก็จะได้คะแนนเต็ม 50% ส่วนคนที่รองลงมาก็เฉลี่ยลงมาว่าจะได้กี่ % โดยเอาคนที่ได้ 50% เต็มคิดเป็น 100% 

โดยนับอาวุโสกับระยะเวลาอายุราชการและคำนวณสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ออกมา ส่วน 50% หลังให้พิจารณาแบ่งเป็น 5 สายงาน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้พิจารณาแต่ให้คะแนนประสบการณ์งานสืบสวนสอบสวนและงานปราบปรามเป็นหลักมากกว่าคะแนนด้านอื่น เพราะมาตรา 78(1) เน้นคำว่าโดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม แต่ในสายงานอื่นก็ต้องมีคะแนนด้วย การกำหนดคะแนนต้องกำหนดให้เกิดความเป็นธรรม 

สำหรับการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานไว้ เช่น งานสืบสวน 12 คะแนน งานสอบสวน 12 คะแนนงานป้องกันปราบปราม 12 คะแนน งานที่เหลืออีกสองด้านด้านละ 7 คะแนน เป็น 14 คะแนน รวมเป็น 50 คะแนน ให้มีการกำหนดช่วงห่างการให้คะแนน ต้องกำหนดไว้เลยว่าถ้าใครผ่านงานชนิดใดมามากน้อยเท่าใดแล้วจะได้คะแนนมากน้อยเท่าใดแต่ถ้าใครไม่ผ่านงานด้านใดมาเลยต้องไม่มีคะแนน เป็นการกำหนดกรอบการให้คะแนนไว้เพื่อป้องกันการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจของคณะกรรมการ คัดเลือก เพื่อไม่ให้คะแนนของผู้เข้ารับการคัดเลือกแตกต่างกันอย่างมาก ความรู้ความสามารถ 50% ถ้าให้ 50 คะแนน ควรให้ทุกสายงานเท่ากัน เพราะผู้บริหารควรมีทุกอย่าง ป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวน บริหารมั่นคงและกิจการพิเศษกฎหมายและคดี

นอกจากนี้ไม่มีการกำหนดกฏเกณฑ์ตั้งแต่แรก หรือกำหนดกฏเกณฑ์แบบไม่เป็นธรรม เพื่อให้การคัดเลือกครั้งนี้เป็นไปโดยเป็นธรรมและให้ได้ผู้ที่มีความอาวุโสและมีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนและงานป้องกันปราบปรามตามเจตนารมย์ของมาตรา 78(1) อย่างแท้จริง เทียบเคียงคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ.155/2561.