เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ตามที่นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ลงนามคำสั่งสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง โอนข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ประเภทผู้บริหารระดับต้น จำนวน 4 ราย คือ นายคมกฤช จันทร์ขจร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เป็น รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (กช.) นายวุฒิพล ทับธานี รองอธิบดี สกร. เป็นรองศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค 14 นายปรเมศวร์ ศิริรัตน์ รอง ศธภ.14 เป็น รองอธิบดี สกร. และว่าที่ร้อยตรีชูชีพ อรุณเหลือง รองเลขาธิการกช.เป็น รองอธิบดีสกร.นั้น ซึ่งในรายชื่อดังกล่าว คือ ว่าที่ร้อยตรีชูชีพ อรุณเหลือง รองเลขาธิการกช.เป็น รองอธิบดีสกร. มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีการทำสัญญาโครงการบริหารจัดการเพื่อการประหยัดพลังงาน โดยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาในวิทยาลัยเทคนิคระยอง ซึ่งคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดมาแล้ว แต่สาเหตุใดยังมีการแต่งตั้งว่าที่ร้อยตรีชูชีพได้อีก เพราะมีคดีความติดตัวอยู่นั้น

โดยนายอรรถพล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง หรือมีข้อกล่าวหาที่เป็นทางการจึงถือว่ายังไม่ใช่ผู้กระทำผิด ซึ่งเท่าที่ทราบเป็นการเรียกว่าที่ร้อยตรีชูชีพเข้าไปชี้แจงข้อมูลที่มาที่ไปของเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามการแต่งตั้งว่าที่ร้อยตรีชูชีพ ให้เป็นรองอธิบดีสกร.ถือเป็นการแต่งตั้งเพื่อให้การทำงานไม่เกิดสุญญากาศ เป็นการแต่งตั้งในช่วงเวลาสั้นๆไม่ได้มาถาวร แต่ต้องการให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปพลางก่อน ดังนั้นหากรัฐบาลชุดใหม่มองว่าไม่เหมาะสมก็พร้อมมีคำสั่งย้ายกลับได้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดระยอง ได้จัดส่งเอกสารเรียน ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยตามหน้าที่และอำนาจ เรียนเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เอกสารลงวันที่ 12 มิ.ย.2566 ที่ปช.0040 ตามที่สำนักงานป.ป.ช.ได้รับเรื่องกล่าวหาร้องเรียนว่า เรือตรีชูชีพ อรุณเหลือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง ว่ากระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการกรณีทำสัญญาบริการตามโครงการบริหารจัดการเพื่อการประหยัดพลังงาน โดยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาในวิทยาลัยเทคนิคระยองขนาดไม่ต่ำกว่า 500.8 กิโลวัตต์สูงสุดโดยมิชอบด้วยกฎหมายนั้น คณะกรรมการป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วมีมติในการประชุมครั้งที่ 57/2566 เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2566 ให้ส่งเรื่องกล่าวหาร้องเรียนดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยตามหน้าที่และอำนาจตามมาตรา 64 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561

ทั้งนี้ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา  (กอศ.) ได้ทำบันทึกข้อความส่วนราชการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ศูนย์นิติการและธรรมาภิบาลอาชีวศึกษา เรื่อง รายงานการตรวจสอบของสำนักงาน ป.ป.ช. โดยเรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ขอเรียนว่า เรื่องนี้ เนื่องจาก ว่าที่เรือตรี ชูชีพ อรุณเหลือง ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้อำนาจการบังคับบัญชาอยู่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงการ ตามาตรา57  ประมวลมาตรา 9 และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 จึงได้รายงานให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการแล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวกับการจัดทำสัญญาทั้งอยู่ในอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง อีกทางหนึ่งแล้ว ตามคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาลับ ที่ 1216/2556  ลงวันที่ 27 ก.ค.กรกฎาคม 2566