เมื่อเวลา 08.25 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ว่า เมื่อวานนี้ ตนเข้าไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อดูสถานที่ ดูห้องทำงาน ห้องประชุม ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงห้องทำงานของรองนายกฯ แต่ละคน 

เมื่อถามถึง กระแสข่าวจะปรับปรุงสถานที่ห้องปฏิบัติงาน 1 หรือรังนกกระจอก 1 ที่อยู่ติดกับตึกนารีสโมสร ซึ่งเป็นห้องทำงานหลังแรกของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า ยืนยันว่าจะไม่รื้อ แต่ต้องการปรับปรุงเพื่อทำให้ดีขึ้น และสอบถามว่าสื่อมวลชนอยู่ตรงไหนกันบ้าง ซึ่งทราบว่ามีอยู่ 2-3 ที่ เพื่อให้ฝ่ายบริหารเข้าถึงสื่อมวลชนได้ดีขึ้น ทำให้อาจจะต้องมีการปรับรูปแบบบ้างในบางอย่าง แต่ยืนยันว่าความเป็นอยู่จะต้องดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คงไม่ได้มีการปรับปรุงเยอะ เพราะเมื่อวานนี้ตนมีเวลาในการดูแค่ไม่กี่ชั่วโมง ต้องให้เข้าไปทำงานจริงๆ ก่อน เพราะลักษณะการทำงานของนายกฯ แต่ละคนไม่เหมือนกัน 

เมื่อถามว่า จะมีการจัดระเบียบสื่อมวลชนใหม่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่เคยใช้คำว่าจัดระเบียบ แต่ใช้คำว่าไปดูความเป็นอยู่ของพี่น้องสื่อมวลชน และยืนยันว่าหากมีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างต้องดีขึ้น ไม่ใช่ไปจัดระเบียบใครทำแบบนี้เลย ซึ่งผมไม่เคยใช้คำแบบนี้เลย ไม่ทราบว่าใครเป็นคนใช้ แต่ไม่มีแน่นอน ขอให้พี่น้องสื่อมวลชนสบายใจได้ เพราะดูแล้วทั้ง 3 ที่ ยังไม่ค่อยสบายเท่าไร ผมจะปรับปรุงให้สบายขึ้น รวมทั้งการทำงานร่วมกับฝ่ายบริหาร เพราะการจะเข้าถึงประชาชนได้ ส่วนหนึ่งต้องอาศัยสื่อมวลชน ทั้งนี้ อยากให้นายกฯ และภาคส่วนต่างๆ มีพื้นที่ในการลงมาพูดคุยกับสื่อมวลชนได้”

เมื่อถามว่า ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จะมีการเดินสายพบใครอีกหรือไม่ เพื่อขอคำแนะนำประกอบนโยบาย นายเศรษฐา กล่าวว่า ขณะนี้มีการเขียนนโยบายเสร็จแล้ว อยู่ในขั้นตอนส่งพิมพ์ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง แต่ระหว่างนี้ก็มีการพูดคุยหารือกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง 

เมื่อถามถึงโซเชียลมีเดียมีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนขี้โมโห หลังมีคลิปขว้างปากการะหว่างการหารือกับกลุ่มจักรยานยนต์รับจ้าง เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนต้องขอโทษ สำหรับภาพที่ออกไป อาจจะบ่งบอกถึงความไม่พอใจ แต่ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ไม่พอใจ แต่เนื่องจากจักรยานยนต์รับจ้างมีหลายประเด็นที่เสนอแนะ ตนเกรงว่าจะจดรายละเอียดไม่ทัน เพราะมีคำถามหลายประเด็นที่จะต้องตอบคำถาม เพราะเป็นเรื่องของการทำงาน เมื่อหมึกปากกาหมดก็ขอใหม่

“ผมไม่ได้ขว้าง แค่วางลง ตนเข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะ การทำอะไรต่อไปนี้จะต้องมีความระมัดระวัง เพราะภาพที่ออกไปไม่ได้เป็นการสะท้อนความรู้สึกของเรา แต่คนที่ดูอยู่อาจจะเข้าใจผิดได้ ก็กราบขอโทษ และจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น และต่อไปนี้ผมต้องเตรียมปากกาไว้หลายๆ ด้าม” นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีการนัดรับประทานอาหารเที่ยงกับรัฐมนตรีของพรรค พท. วันนี้ มีประเด็นอะไรหารือเป็นพิเศษหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีประเด็นอะไรพิเศษ เพียงแค่เป็นการนัดกินข้าวกัน เพื่อให้รู้จักและเข้าใจถึงสไตล์การทำงานของแต่ละคน เพราะตนก็มาจากภาคธุรกิจ และมาทำงานในภาคการเมือง ซึ่งอาจจะยังมีความไม่เข้าใจ จึงต้องมีการพูดคุยกันให้ดี 

เมื่อถามถึง เรื่องงบประมาณปี 2567 ที่พิจารณาไม่ทันนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด เพราะการจัดทำงบประมาณไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องล่าช้าออกไปเท่านั้น เมื่อเราอาสาเข้ามาบริหารจัดการประเทศแล้ว เมื่อมีขีดจำกัดก็ต้องทำไปให้ได้ และยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และยืนยันว่าเงิน 10,000 บาท จะจ่ายในงวดเดียว ไม่มีการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ อย่างไรก็ตาม วันนี้จะมีการพูดคุยเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ขั้นตอนในการทำงาน และมีการพบปะกับหลายภาคส่วน ซึ่งจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องนโยบาย เพราะหลายท่านก็เจอกันแค่ผิวเผิน.