เมื่อวันที่ 10 ก.ย. นางสาวสมพร อายุ 48 ปี ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า สงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของนางสาวธนพร ลูกสาว อายุ 23 ปี ที่ตั้งใจเดินทางไปทำงานพีอาร์ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่หลังเดินทางไปถึงเมื่อวันที่ 23 ก.ค.66 หลังเข้าอาคารที่พักกลับกลายเป็นศพเสียชีวิตในซอกตึก พื้นที่เขตอำเภออิเซซากิ จังหวัดคานากาวะ

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นแจ้งว่า สาเหตุตกจากชั้น 8 คาดเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีร่องรอยการต่อสู้ และไม่พบรอยนิ้วมือหรือรอยเท้าผู้อื่นอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยวันที่ 23 ก.ค. กล้องวงจรปิดจับภาพลูกสาวเดินลากกระเป๋าเข้าอาคารที่พัก เวลา 17.55 น. ต่อมามีผู้ที่พักอยู่ชั้น 8 พบกระเป๋าถูกวางทิ้งไว้หน้าห้อง แต่ไม่พบเจ้าของจึงนำกระเป๋าส่งสถานีตำรวจ กระทั่งวันที่ 26 ก.ค.มีคนได้กลิ่นเหม็นรุนแรงมาจากซอกตึกตรวจสอบจึงพบศพของนางสาวธนพร เจ้าหน้าที่จึงแจ้งแม่ให้ทราบ

“แม่ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีสาเหตุแรงจูงใจอะไร ลูกสาวตั้งใจจะไปทำงานหาเงินส่งมาให้แม่เปิดร้านน้ำ โดยฝากลูกชาย 4 ขวบไว้ให้แม่เลี้ยง ถ้าจะฆ่าตัวตายลูกสาวคงไม่ต้องเดินทางไปถึงญี่ปุ่น แม่สงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของลูก แต่แม่ไม่มีเงินที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อหาข้อเท็จจริง และเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางสถานทูตได้ช่วยดำเนินการเผาศพลูกสาวแล้ว แต่แม่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่งอัฐิกลับมาประเทศไทย ซึ่งต้องใช้เงินประมาณ 7 หมื่นกว่าบาท แม่ฐานะยากจนและยังต้องเลี้ยงดูหลานชาย 4 ขวบ จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ” นางสาวสมพร กล่าว

หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ตั้งข้อสังเกตการว่า ในรายงานการสืบสวนของตำรวจญี่ปุ่นมีการระบุว่า นางสาวธนพร ได้มีการคุยโทรศัพท์ก่อนที่จะเสียชีวิต จึงเป็นเหตุที่ทำให้เกิดข้อสงสัยได้ว่าโทรศัพท์สายสุดท้ายที่นางสาวธนพรได้มีการพุดคุยนั้นอาจจะเป็นมูลเหตุทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น

นางปวีณา กล่าวว่า จะประสาน นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล เพื่อขอให้ช่วยดำเนินการเรื่องนำอัฐิกลับมาเมืองไทยเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด เรื่องการเสียชีวิตของน้องเป็นที่น่าสงสัยว่าก่อนน้องเสียชีวิตภาพวงจรปิดที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีการบันทึกว่ามีการพูดโทรศัพท์กับใครก่อนที่น้องจะขึ้นไปที่ชั้น 8 แล้วจากนั้นจึงได้ตกตึก รายละเอียดหนังสือจากทางเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นเขียนรายละเอียดชัดเจน และระบุว่าหากต้องการภาพจากกล้องวงจรปิดที่น้องเสียชีวิตสามารถติดต่อไปได้ มูลนิธิปวีณาฯ จะพยายามประสานสถานทูตเพื่อขอรูปจากกล้องวงจรปิดในสถานที่เกิดเหตุ มูลนิธิปวีณาฯ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และจะรีบดำเนินการประสานเพื่อนำอัฐิกลับมาโดยเร็ว