วานนี้ (13 ก.ย. 2566) ได้มีการเผยแพร่รายงานข่าวเหตุการณ์ระหว่างการรับฟังข้อมูลและไต่สวนสาธารณะของคณะกรรมาธิการรัฐสภาแห่งเม็กซิโก เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการนำซากสิ่งมีชีวิตเก่าแก่จนกลายสภาพเป็นมัมมี่ ที่อ้างว่าเป็น “มนุษย์ต่างดาว” มาแสดงโชว์เพื่อเป็นหลักฐานสนับสนุนหัวข้อการรับฟังในครั้งนี้ ที่ระบุว่า “มนุษย์ไม่ได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล” ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

การนำซาก “เอเลี่ยน” ดังกล่าว ออกมาแสดงอย่างเปิดเผย นับว่าเป็นครั้งแรกของรัฐสภาเม็กซิโก ที่มีการกล่าวถึงประเด็นของสิ่งมีชีวิตนอกโลกอย่างเป็นทางการ

ไฮเม มาอุสซัน นักข่าวชาวเม็กซิโกและนักวิจัยเป็นผู้นำซากสิ่งมีชีวิตดังกล่าว ออกมาแสดงสภาพของศพทั้งสองดูคล้ายมัมมี่ ร่างมีสีเทา รูปใบหน้าคล้ายคลึงกับมนุษย์ มีนิ้วมือยาว 3 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเล็กกว่ามนุษย์

มาอุสซัน เป็นผู้รายงานการค้นพบซากศพเอเลี่ยนทั้งสองร่างนี้ในประเทศเปรู เมื่อปี 2560 เขากล่าวยืนยันว่า ศพทั้งสอง “ไม่ใช่มนุษย์” ขณะเดียวกันก็ยังไม่อยากจะเรียกว่าเป็น “มนุษย์ต่างดาว” เพราะยังไม่รู้ข้อมูลที่แน่ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตใดกันแน่

มาอุสซัน ยังกล่าวอ้างถึงผลการวิเคราะห์หาอายุของซากศพทั้งสองด้วยวิธีคาร์บอน 14 โดยมหาวิทยาลัยอิสระแห่งชาติเม็กซิโก ซึ่งระบุว่า ซากทั้งสองนี้มีอายุประมาณ 1,000 ปี โดยมีคำแถลงการณ์ยืนยันจากทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ ซึ่งชี้แจงว่า ซากทั้งสองได้ผ่านกระบวนการทดสอบหลายประการ 

ผลจากการทดสอบไม่เพียงระบุอายุที่เก่าแก่ถึงพันปีได้ แต่ยังชี้ว่า ไม่สามารถระบุที่มาของศพทั้งสองได้ เนื่องจากไม่พบความเกี่ยวโยงใด ๆ กับข้อมูลเท่าที่มีอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ 

การนำซากมัมมี่ของเอเลี่ยนออกมาแสดงอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรกในคราวนี้ ก่อให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์หลายสาย มีทั้งแสดงความประหลาดใจ ทึ่ง ไปจนถึงไม่เชื่อถือและกล่าวล้อเลียน โดยนำไปเปรียบเทียบกับภาพของตัวละคร “อีที” จากภาพยนตร์ชื่อดังในอดีต เนื่องจากมัมมี่ทั้งสองมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงตัวละครดังกล่าว

อนึ่ง มีรายงานว่า มาอุสซัน ได้ขอให้สภาเม็กซิโกเปิดการรับฟังและไต่สวนสาธารณะในครั้งนี้ หลังจากเคยมีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า คณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐก็ได้รับข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก แต่ได้มีความพยายามจะปกปิดข้อมูลดังกล่าวจากสาธารณชน โดยกลุ่มผู้มีอำนาจในรัฐบาลสหรัฐ

เครดิตภาพ : AFP