สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ว่า ซากของโลมาแม่น้ำแอมะซอน ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงปลาตายอีกหลายพันตัว ลอยเต็มทะเลสาบเทเฟ ซึ่งขณะนี้มีสภาพเหมือนกับอ่างน้ำร้อน หลังจากภัยแล้งที่ยืดเยื้อทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างมาก

นายแดเนียล เทรกิดโก นักวิจัยชาวสหราชอาณาจักร ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐอามาโซนัช กล่าวว่า การพบเห็นโลมาสีชมพูเป็นประจำ เป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษ ของการใช้ชีวิตในใจกลางภูมิภาคแอมะซอน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็น “โศกนาฏกรรม”

ด้านนายอายัน ไฟลช์มานน์ นักวิจัยธรณีศาสตร์จากสถาบันมาไมรัว ระบุว่า แม้มีการตรวจสอบสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น โรค และการปนเปื้อนน้ำเสีย แต่ระดับความลึกและอุณภูมิของน้ำ คือ “องค์ประกอบหลัก” ที่ทำให้โลมาแม่น้ำแอมะซอน และปลาชนิดอื่น ๆ ตายเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ทะเลสาบเทเฟ เป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภัยแล้ง โดยสถาบันอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของบราซิล (อินเมต) ระบุว่า ปริมาณน้ำฝนในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อยู่ในระดับเกือบ 1 ใน 3 ของค่าเฉลี่ยในประวัติศาสตร์ อีกทั้งทางน้ำหลายสายยังเหือดแห้ง จนทำให้การสัญจรด้วยเรือต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง

องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (ไอยูซีเอ็น) กำหนดให้โลมาแม่น้ำแอมะซอนเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งพวกมันเคยมีความหลากหลายทางสายพันธุ์ และมีประชากรจำนวนมาก ทว่าในปัจจุบัน โลมาสายพันธุ์นี้ เป็น 1 ใน 6 สายพันธุ์โลมาน้ำจืดที่เหลืออยู่ในโลก

อนึ่ง บราซิลเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้วที่ผิดปกติ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ และปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ ประสบอุทกภัยเพราะพายุฝนที่รุนแรง ส่วนพื้นที่ทางตอนเหนือต้องเจอกับฤดูแล้ง ซึ่งรุนแรงอย่างผิดปกติ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES