วานนี้ (3 ต.ค. 2566) เมื่อเวลาประมาณ 16.20 น. เกิดเหตุกราดยิงใส่ฝูงชนที่ห้างสรรพสินค้า ‘สยามพารากอน’ ในกรุงเทพฯ โดยผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนชาย อายุเพียง 14 ปี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 6 ราย และเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 2 ราย โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีน อายุประมาณ 30 ปีเศษ

ด้านสถานทูตจีนแห่งประเทศไทย ได้ยืนยันข้อเท็จจริงผ่านเว็บไซต์ของทางสถานทูตว่า เหตุการณ์กราดยิงเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2566 ทำให้มีชาวจีนเสียชีวิต 1 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน ซึ่งทางสถานทูตได้ส่งเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูล ยืนยันตัวตนของผู้เสียชีวิต ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทางการไทยและเข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่ามีอาการทรงตัว

สำนักข่าว อีทีทูเดย์ รายงานบทสัมภาษณ์ของนักท่องเที่ยวชาวจีนคนหนึ่ง นามสมมุติว่า ‘เก่อหลาน’ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ระหว่างการกราดยิง เขาเล่าถึงประสบการณ์เฉียดตายครั้งนี้ว่า เขากำลังเดินเที่ยวอยู่ภายในห้างฯ ขณะเกิดเหตุ ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นการจัดอีเวนต์ในห้างฯ ที่คนอื่น ๆ ซึ่งดูท่าทางเหมือนจะเป็นดาราและคนดังกำลังเดินทางไปร่วมงาน ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดังมากดังขึ้น 3 ครั้ง ทำให้เขารู้ว่ามีเหตุการณ์กราดยิงเกิดขึ้น

เก่อหลาน เห็นคนวิ่งวุ่นกันในห้าง จากนั้นก็มีฝูงชนจำนวนมากเคลื่อนไหวอยู่ที่ชั้นที่ต่ำกว่าชั้นของเขา เพื่อหาทางหลบหนี หลังจากที่รู้ว่ามีการยิงเกิดขึ้น เก่อหลาน และเพื่อน ๆ ก็รีบหนีออกจากที่เดิมและมองหาที่หลบซ่อน

ประชาชนและนักท่องเที่ยวกำลังหลบหนีออกจากห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน หลังจากมีรายงานว่าเกิดเหตุการณ์กราดยิงในอาคาร

“ตอนนั้นเราอยากจะวิ่งหนีออกจากห้าง ออกไปข้างนอก แต่เราต้องลงไปที่ชั้น 1 ก่อน เราไม่รู้เลยว่ามีมือปืนกี่คน แล้วก็กังวลว่าจะไปเจอคนร้ายกลางทาง เราก็เลยตัดสินใจวิ่งขึ้นไปที่ชั้น 3 หลังจากนั้นเราก็เจอร้านเสื้อผ้าแบรนด์ “ซาร่า” ซึ่งพนักงานขายในร้านช่วยให้เราเข้าไปหลบในห้องเก็บของ” เก่อหลาน เล่า

นักท่องเที่ยวผู้โชคดีเล่าต่อว่า มีคนหลบอยู่ในห้องเก็บของนั้นประมาณ 10 คน พนักงานขายนำพัดลมมาให้ช่วยบรรเทาความอึดอัดและอบอ้าวในห้อง เขายังเล่าว่า ห้องเก็บของอีกห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้กันก็มีคนซ่อนตัวอยู่เต็มห้อง แต่เขาไม่แน่ใจว่ามีกี่คน

อย่างไรก็ตาม เก่อหลาน ชี้ว่า การซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บของ ทำให้รับสัญญาณโทรศัพท์ได้ไม่ดีนัก ทำให้เขาติดตามข่าวการกราดยิงได้เป็นช่วง ๆ เท่านั้น และมีหลายครั้งที่พนักงานของร้านบอกให้ทุกคนหยุดพูดและหมอบลงกับพื้น ซึ่งน่ากลัวมาก ตัวเขานั้นมีเพื่อนอยู่ 2 กลุ่ม และเขาก็พยายามรายงานสถานการณ์ของตัวเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากรอ

เก่อหลาน ยังเล่าอีกด้วยว่า มีบางคนที่หลบอยู่ด้วยพยายามจะใช้โทรศัพท์มือถือไลฟ์สด แต่คนอื่น ๆ รีบห้ามไว้ โดยเขาตำหนิว่า พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยที่อยู่ของตัวเองต่อมือปืนแบบนี้ ถือว่าอันตรายมาก

เขาเล่าต่อไปว่า หลังจากหลบอยู่ในห้องเก็บของได้ระยะหนึ่ง ก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “จับมือปืนได้แล้ว” ตอนนั้นทุกคนโล่งอกไปตาม ๆ กัน หลังจากนั้น พนักงานของร้านก็ขอให้ทุกคนเดินออกไปตามทางเดินเพื่อออกไปจากอาคาร ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังรู้สึกกังวล เพราะว่าทางเดินนั้นจะต้องผ่านกลางห้างฯ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าคนร้ายมีสมาชิกร่วมทีมด้วยหรือเปล่า นอกจากนี้ เขายังระบุว่า มีเพียงพนักงานของทางร้านและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างฯ เท่านั้น ที่คอยดูแลความปลอดภัยให้พวกเขา

ที่มา : dimsumdaily.hk, ettoday.net

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES