เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และอดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล แสดงความไม่พอใจที่พรรคก้าวไกล เสียโควตาประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ให้กับพรรคการเมืองอื่น จนเหลือแค่ 8 คณะจากเดิม 11 คณะ กระทั่ง สส. ภายในพรรคไม่พอใจ แต่ไม่แสดงออก ว่า ความเห็นที่ไม่ตรงกันใน สส. จะมีกระบวนการที่ประชุม สส. ของพรรค สามารถแสดงความเห็นตรงไปตรงมาได้ทั้งหมด และการแบ่งสรร กมธ. นั้น กรรมการบริหารพรรคมีการชี้แจงมาโดยตลอด โดยมั่นใจว่า ความมีน้ำใจของพรรคก้าวไกล ที่แบ่งประธาน กมธ. ให้พรรคไทยสร้างไทย จะสามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานได้
นายชัยธวัช กล่าวยืนยันว่า ไม่กังวลปัญหาความขัดแย้งในพรรคจะบานปลาย เพราะมีกลไกปรับความเห็นต่าง และรับฟังความเห็นต่างอยู่แล้ว นอกจากนี้ นายปิยบุตร อาจจะไม่ได้รับทราบว่า ทีมเจรจาต้องประสบกับปัญหาอย่างไรบ้าง จึงต้องตัดสินใจเช่นนั้น โดยคณะกรรมการประสานงานของพรรค (วิปพรรค) และทีมเจรจาของพรรค ได้ตัดสินใจดีที่สุดแล้วบนสถานการณ์ทางการเมืองนี้
ขณะที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า แม้ตนจะไม่ได้เป็น กมธ. แต่พร้อมสนับสนุนการทำหน้าที่ของประธาน กมธ.ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล ร่วมกับนายชัยธวัช และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนต่อไป โดยปัญหาความเห็นต่างภายในพรรคนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในการประชุม สส. ของพรรค สามารถพูดคุยกันได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายปิยบุตร โพสต์ผ่าน X ถึงความขัดแย้งภายในพรรคก้าวไกล โดยระบุตอนหนึ่ง ว่า “นอกจากเรื่องปล่อยให้ประธาน กมธ. จาก 11 เหลือ คณะแล้ว เพื่อน สส. จากพรรคอื่นๆ ยังโทรฯ มาเล่าให้ผมฟังอีกว่า พรรคก้าวไกลเป็นอะไร ทำไมภายในพรรคไม่จัดวางตำแหน่ง สส. ของพรรคตนเองว่าใครจะเป็นรองประธานมาให้เรียบร้อย พอมาหน้างานในหลายคณะ กมธ. สส.ก้าวไกล มาแย่งตำแหน่งรองประธาน กันเอง จนประธานจากพรรคอื่นงง เอ๊ะ ทำไมไม่เคลียร์กันมาก่อน เพื่อน สส. พรรคอื่นโทรฯ มาแจ้งผมแบบนี้ ผมว่าน่าอายมาก ไปทะเลาะแย่งตำแหน่งกันเอง ต่อหน้า สส. พรรคอื่น นี่ถ้าประธานจากพรรคอื่น เขาปล่อยให้โหวต ให้ สส.ก้าวไกล แข่งกันเอง คงน่าสมเพชกว่านี้”
นายปิยบุตร ระบุต่อว่า “เท่าที่ สส. หลายคนมาเล่าให้ผมฟัง คือ “คณะนำ” เขาตัดสินใจไปแล้ว ค่อยมาบอก สส. ปัญหา คือ เมื่อไรที่ สส.ก้าวไกล จะเติบโตเป็นคนที่กล้าหาญ กล้าสู้เพื่อพรรค เพื่อสังคมเสียที ทำไมไม่กล้าพูด กล้าท้วง กล้าถกเถียง หรือทุกคนกลัวว่างวดหน้าจะไม่ได้ลง สส. เพราะคณะนำมองว่าเป็นเด็กดื้อ? ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป สุขภาพพรรคไม่ดีแน่ ต่อไป คณะนำจะ can do no wrong (ทำอะไรก็ไม่ผิด) และ can do everything (ทำได้ทุกอย่าง) ส่วน สส. ก็ไม่คิดเรื่องส่วนรวม คิดแค่กูจะได้ลง สส. ต่อมั้ย กูทำพื้นที่กูดีกว่า กูทำงานในตำแหน่งกูอย่างเดียวดีกว่า ส่วนเรื่องพรรค เขาว่าไง ก็ว่ากัน”