เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.พรพิมล (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากนายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังแม่ถูกกักขังในเรือนจำ และถูกผู้คุมหญิงในทัณฑสถานหญิงแห่งหนึ่ง โทรศัพท์มาหาพ่อเอ่ยปากขอเงินแลกกับการให้แม่ได้อยู่อย่างสบายไม่ลำบากในทัณฑสถานหญิง จนพ่อหลงเชื่อโอนเงินและเอาเงินไปให้ถึงแฟลตที่พักของเรือนจำ แต่สุดท้ายไม่ได้เป็นอย่างที่พูด จึงอยากร้องเรียนขอความเป็นธรรม เพราะเชื่อว่าผู้คุมหญิงรายนี้คงทำกับนักโทษคนอื่นๆเหมือนกับแม่ตน

น.ส.พรพิมล เผยรายละเอียดต่อว่า ​แม่อายุ 51 ปี มีอาชีพขี่วินจยย.ย่านพระราม 2 ถูกจับข้อหาสนับสนุนกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หลังลูกเขยเอาบัญชีแม่ไปใช้โอนเงินค่ากัญชา ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.64 โดยพ่อได้ไปเยี่ยม มีการโทรคุย โทรวิดีโอกันจนผู้คุมหญิงรายหนึ่งสงวนชื่อสกุล ไม่รู้ได้เบอร์โทรศัพท์ของพ่อได้อย่างไรได้โทรมาขอเงินกับพ่อตรงๆ บอกว่าจะดูแลแม่อย่างดีหางานเบาๆให้ทำ ก็ยอมให้เพราะไม่อยากให้แม่ลำบาก โดยขอครั้งละ 200 – 1,000 บาท ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.64 ถึงปัจจุบัน ทั้งแบบโอน และนำเงินไปส่งให้ รวมเป็นเงินประมาณหมื่นบาท ขณะที่พ่อมีอาชีพขี่วินมอเตอร์ไซค์ รายได้วันละประมาณ 300 บาทเท่านั้น

น.ส.พรพิมล เล่าอีกว่า โดยผู้คุมคนดังกล่าวพยายามอ้างต่างๆนานา ว่าเป็นค่าอาหารบ้าง แม่ซื้อของบ้าง ค่าเสื้อผ้าบ้าง และที่น่าเจ็บใจที่สุดคือมาของเงินค่าเค้กวันเกิดลูกสาวตัวเอง ซึ่งตั้งแต่เริ่มขอเงินก็บอกกับพ่อว่าไม่สามารถเข้าเยี่ยมแม่ได้เหมือนเดิมโดยอ้างว่าจากสถานการณ์โควิดระบาด แม้กระทั่งจดหมายก็ส่งไม่ได้ทำให้ครอบครัวไม่รู้ความเป็นอยู่แม่เลย กระทั่งตนไปตรวจสอบหน้าเรือนจำเจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถเขียนจดหมายถึงกันได้ตลอด จึงรู้ว่าถูกผู้คุมหญิงคนดังกล่าวหลอก อีกทั้งมารู้จากนักโทษที่ออกมาว่าอย่าให้เงินผู้คุมคนดังกล่าวเพราะเรียกเงินผู้ต้องขังหลายรายแล้ว เคยถูกตรวจสอบแล้วหลายครั้งแต่หลุดรอดมาได้ตลอด จึงเป็นห่วงแม่มากไม่รู้จะทำอย่างไรจึงตัดสินใจมาข้อความช่วยเหลือกับทนายรณณรงค์ดังกล่าว

ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า รู้สึกแย่มาก เขาทำอาชีพขี่วินมอเตอร์ไซค์รายได้น้อยอยู่แล้ว มาหลอกเอาเงินเขาไปครั้งละ 1,000 บาท มันเยอะสำหรับคนรายได้น้อย เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายเรียกรับเงินจะมีความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพราะฉะนั้นวันนี้(21เม.ย.)จะพาครอบครัวผู้เสียหายไปร้องเรียนที่กระทรวงยุติธรรมก่อนจะได้มีการคุ้มครองแม่ผู้ร้องที่อยู่ในเรือนจำก่อน จากนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่แต่อยากฝากถึงผู้บริหารมากกว่าว่าให้ช่วยดูผู้คุมที่ไม่ดีออกจากระบบ ส่วนข้อหาที่หนักที่สุดคือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนเรียกรับเงิน โดยเฉพาะโอนเข้าไปมีหลักฐานในสลิปชัดเจน ความผิดเหล่านี้อัตราโทษในข้อหาที่หนักที่สุด คือจำคุกตลอดชีวิต ใครที่เคยเป็นเหยื่อ หรือจ่ายเงินให้กับผู้คุมคนดังกล่าวขอให้ติดต่อเข้ามาจะได้เป็นผู้เสียหายและเป็นพยานร่วมกันเอาผิดต่อไป