เมื่อวันที่ 17 ก.ย. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมพลพิษ พร้อม นายสุภกินห์ แวงชิน รอง ผวจ.ลพบุรี พ.อ.ศักดิ์ศรี งอยปัดพันธ์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 13 ในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน.ลพบุรี ว่าที่ ร.ต.ทรงพล แป้นแก้ว นอภ.พัฒนานิคม นายสมศักดิ์ สง่าเม่น นายกเทศมนตรี ต.ดีลัง พร้อมคณะ บก.ปทส. ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบการลักลอบทิ้งสารเคมีและของเสียอันตรายในพื้นที่หมู่ 4 ซอย 11 ระหว่างสายโท-สายจัตวา ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี หลังจากที่ เทศบาล ต.ดีลัง ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีคนนำขยะคาดว่าน่าจะสารเคมี ซึ่งเป็นมลพิษในอากาศและแหล่งน้ำ ส่งกลิ่นเหม็นเป็นระยะทางไกล ชาวบ้านทนไม่กลิ่นไม่ไหว มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นใส้ และอาเจียน

โดยบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่กว้าง มีถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ถูกทิ้งวางกระจายเกลื่อนพื้นที่กว่า 200 ถัง บางถังยังถูกบีบอัดจนกากอุตสาหกรรมที่อยู่ภายในถังหกเปรอะเปื้อนส่งกลิ่นเหม็น นอกจากนี้ด้านหลังมีขุดเป็นบ่อลึกกว่า 2 เมตร กว้าง 30 เมตร จนเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ทราบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของเอกชนรายหนึ่ง เคยขออนุญาตทำเป็นที่ทิ้งเศษปูนหิน เนื่องจากก่อนหน้าพื้นดังกล่าวนั้น เจ้าของได้ขุดดินไปขายจนเป็นบ่อลึกเนื้อที่ประมาน 4 ไร่เศษ แต่ปรากฏว่า ได้มีนำขณะมีพิษ ลักษณะเป็นของเหลวสีดำขุ่น ซึ่งถูกบรรจุถังขนาด 200 ลิตร กว่า 200 ถัง ถูกนำมาทิ้งในบ่อดังกล่าว ซึ่งทางอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย เทศบาลตำบลดีลัง และเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษและสิ่งแวดล้อม เข้าไปตรวจสอบ และเก็บตัวอย่างขยะ ไปตรวจสอบว่าเป็นพิษชนิดใดแล้ว พร้อมทั้งมีคำสั่งให้มีการระงับการขนย้ายวัตถุดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่รวมทั้งไม่ให้นำออกไปด้วยเช่นกัน จนกว่าจะมีการตรวจสอบว่าเป็นวัตถุอันตรายหรือไม่ เบื้องต้น กรมควบคุมมลพิษ ได้ลงบันทึกประจำวันตรวจกรณีดังกล่าวกับ ตำรวจ สภ.พัฒนานิคมไว้แล้ว

ด้าน นายอรรถพล อธิบดีควบคุมมลพิษ กล่าวว่า พื้นที่ที่มีการลักลอบทิ้งของเสียเคมี รวมถึงวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว(กากอุตสาหกรรม) เป็นพื้นที่ของเอกชนมีประมาณ 3 – 4ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 24 ไร่ ทั้งนี้ ลักษณะทางกายภาพของของเสียเคมีหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วบางส่วนเข้าข่ายเป็นของเสียอันตราย เพราะสามารถติดไฟได้ พื้นที่ที่มีการลักลอบทิ้งของเสียเคมีหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วนั้น อยู่ใกล้เคียงกับบ่อน้ำที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงใช้ประโยชน์ และพบว่าน้ำจากพื้นที่ที่มีการลักลอบทิ้งของเสียเคมีหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วได้ซึมลงไปในบ่อน้ำที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงใช้ประโยชน์แล้ว ทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม(ศปก.พล) กรมควบคุมมลพิษ(คพ.).ได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.พัฒนานิคม ไว้เป็นการเบื้องต้นแล้ว เพื่อให้หาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย

ขณะที่ ชาวบ้านรายหนึ่ง ที่อาศัยทำกินด้านการเกษตร เนื้อที่ติดกับบ่อขยะแห่งนี้ บอกว่าชาวบ้านใกล้เคียงต่างทนกลิ่นเหม็นบ่อขยะนี้ไม่ไหว จึงได้พาครอบครัว ย้ายสิ่งของออกไปสร้างเพิงพักที่หลับนอนใหม่ห่างจากที่เคยอยู่เดิม ออกไปประมาณ 500 เมตร โดยเมื่อก่อนนี้บ่อขยะดังกล่าวเจ้าของไม่ได้เอาขยะพิษมาทิ้ง แต่เมื่อกว่า 20 วันที่ผ่านมา มีรถบรรทุกขนขยะมาทิ้งทั้งวัน และใช้เวลาไม่กี่วันขยะมากถึงขณะนี้ สิ่งที่ไหลออกมาจากถังเหม็นมากจนเวียนหัว จนไม่สามารถอาศัยอยู่ตรงนั้นต่อไปไม่ไหว ต้องพาครอบครัวมาเช่าที่ของชาวบ้านสร้างเพิงพักอยู่กันไปก่อน จนกว่าทางราชการจะดำเนินการกับขยะพิษนี้ หากเข้าสู่สภาวะปกติจึตนเองและครอบครัวงจะกลับไปอยู่ที่เดิม