ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สมเกษม จารักษ์ ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พ.ต.ท.อำนาจ รอดดอนไพร รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ร.ต.อ.ดุสิต ทองดี รอง สว.จร.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ชุดชุมชนสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และชุด Active Shooter ร่วมบรรยายให้ความรู้แก่พนักงานห้างฟรายเดย์สรรพสินค้า เกี่ยวกับการสังเกตจดจำ และการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ Active Shooter ตามหลักการสากล คือ “หนี ซ่อน สู้” กรณีเหตุบุคคลคลุ้มคลั่ง พกพาอาวุธปืนกราดยิงเข้าไปในบริเวณห้างสรรพสินค้า พร้อมประชาสัมพันธ์แจกแผ่นพับแก่พนักงาน ร้านค้า และประชาชนที่มาใช้บริการ ณ ห้างฟรายเดย์สรรพสินค้า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบูรณาการบริหารจัดการ ประสานความร่วมมือของทุกภาคส่วน องค์กร ภาครัฐ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ในการประสานงาน การสั่งการ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น เพื่อควบคุมหรือลดผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พนักงานและผู้ประกอบการร้านค้าในห้างสรรพสินค้า มีวิธีเอาตัวรอดจากการเผชิญเหตุโดยยุทธวิธี “หนี ซ่อน สู้” มีความรู้ ความเข้าใจในการปฏิบัติตน กรณีเหตุบุคคลคลุ้มคลั่งหรือเหตุกราดยิงในห้างสรรพสินค้า สามารถเป็นผู้นำแก่ประชาชนที่มาใช้บริการห้างสรรพสินค้า เพื่อแนะนำวิธีการเอาตัวรอดในสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเกิดความสูญเสียน้อยที่สุด
โดยยึดหลักการ 3 ข้อ คือ หนี เมื่อไปสถานที่ต่างๆ ให้จดจำทางเข้า-ออก และทางออกฉุกเฉินให้เป็นนิสัย หากเกิดเหตุต้องตั้งสติให้ดี และมองหาเส้นทางในการหลบหนี ทิ้งของทุกอย่างที่ไม่จำเป็น ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่สามารถช่วยได้ และเมื่ออยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้วให้โทร.แจ้ง 191 ทันที ซ่อน คือ ซ่อนให้พ้นสายตา ล็อกประตู และหาสิ่งของมาใช้กีดขวางคนร้ายไม่ให้มาถึงตัว ปิดไฟในห้อง ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ อยู่ให้เงียบที่สุด และสู้ เป็นทางเลือกสุดท้าย เมื่อไม่สามารถหนีหรือซ่อนตัวจากคนร้ายได้ และคนร้ายกำลังจะเข้ามา โดยร่วมกันสู้สุดกำลังเพื่อให้มีโอกาสรอด ใช้การซุ่มโจมตีโดยไม่ให้คนร้ายรู้ตัว ใช้สิ่งของทุกอย่างที่หาได้มาเป็นอาวุธ ใช้ทุกวิธีการที่นึกได้ ในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
พ.ต.อ.สมเกษม กล่าวว่า การกราดยิงเป็นการก่ออาชญากรรมที่มีความรุนแรง มีผลกระทบในวงกว้าง ผู้ก่อเหตุจะแสดงการกระทำออกมาด้วยความก้าวร้าว ไม่เลือกเหยื่อ ไม่เจาะจงบุคคลหรือผู้เสียหาย ฉะนั้นความสูญเสียจึงสามารถเกิดได้กับทุกคน ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ แนะนำให้ประชาชนใช้หลัก “หนี ซ่อน สู้” แต่หากจะสู้ต้องอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วเท่านั้น สิ่งที่ประชาชนจะสามารถช่วยเจ้าหน้าที่ได้ดีที่สุดคือการพยายามบอกข้อมูลสถานที่เกิดเหตุที่เป็นประโยชน์ ช่วยสังเกตคนร้ายเพื่อเป็นข้อมูลให้กับตำรวจ สังเกตการแต่งกาย เสื้อผ้า เพศ วัย รูปร่าง สีผิว ตำหนิรอยสัก แผลเป็น หากมีโอกาสให้ถ่ายภาพวิดีโอและแจ้งตำรวจ 191
