เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวนวรัตน์ จันทร์ผล หรือ บี อายุ 30 ปี ชาวบ้านลานสะเดา ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเคยป่วยโรคอ้วน และป่วยเป็นโรคไทรอยด์ ไม่สามารถรักษาหายได้ เนื่องจากมีน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม จึงยากต่อการผ่าตัดรักษา โดยมักจะนอนหลับ แล้วหายใจไม่ออกเสมอ จนบางครั้งหลับลึกไปโดยไม่รู้สึกตัว ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยตกเป็นข่าวดัง หลังประกาศให้สามีครอบครัวและญาติ รวมทั้งกู้ภัย ช่วยกันต่อโลงศพให้ก่อนสิ้นลม เพราะรู้ดีว่าตนสิ้นลมหายใจไปจะไม่มีโลงศพใส่ ขณะนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างกำแพงเพชรธรรมสถาน ได้เร่งต่อโลงศพไว้ให้ตามคำร้องขอ ก่อนจะนำไปเก็บไว้ยังวัดในละแวกบ้าน โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เดลินิวส์ ได้นำเสนอไปเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 63

กระทั่งวานนี้ 27 ต.ค. นางสาวนวรัตน์ จันทร์ผล ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร ญาติจึงนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านพักเลขที่ 40 หมู่ที่ 1 บ้านลานสะเดา ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านและบรรดาอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างกำแพงเพชรธรรมสถาน กำลังช่วยกันจัดเตรียมงานศพ โดยมี นางสาวรุ่งเจริญ ระถาพล อายุ 56 ปี พี่สะใภ้ คอยดูแลความเรียบร้อย

นางสาวรุ่งเจริญ เปิดเผยว่า น้องสะใภ้ป่วยมานาน ระยะหลังเริ่มอาการไม่ดีขึ้น ต้องใช้ออกซิเจนตลอดเวลาเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อาการเริ่มแย่หายใจไม่ออก จึงได้พากันนำส่งโรงพยาบาลพรานกระต่ายเพื่อรักษาตัว และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกำแพงเพชร เพื่อทำการรักษาต่อ โดยรักษาตัวอยู่ 3 วัน กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 12.00 น. ของวานนี้ น้องสะใภ้ก็จากไปอย่างสงบ ซึ่งตนรู้สึกใจหาย แม้จะไม่ใช่พี่น้องจริงๆ เป็นน้องสะใภ้ แต่ก็รักและห่วงใย เคยดูแลกันมาตลอด รู้สึกคิดถึง

ด้านนายกริช ระถาพล อายุ 47 ปี สามีนางสาวนวรัตน์ กล่าวว่า หลังจากที่คอยดูแลกันมานาน จนกระทั่งป่วยครั้งนี้ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ตนก็ไปคอยเฝ้าดูแลมาตลอด โดยขณะที่ตนลงมารับข้าวจากพี่สาว ปรากฏว่าแพทย์พยาบาลได้โทรฯ ตามให้ตนขึ้นไปบนตึก พร้อมบอกว่าภรรยาตนเสียชีวิตแล้ว ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะรักและผูกพันกันมานาน

ทั้งนี้ หลังจากที่นำศพของนางสาวนวรัตน์ กลับมาบำเพ็ญกุศลศพที่บ้าน กู้ภัยได้นำโลงศพที่ผู้เสียชีวิตเคยสั่งให้ต่อไว้ขณะยังมีชีวิตอยู่ เพื่อมาบรรจุร่างของผู้เสียชีวิตและจะนำเข้าไปในโลงเย็น ปรากฏว่า โลงมีขนาดใหญ่ไม่สามารถนำเข้าไปได้ จึงต้องนำร่างเข้าไปใส่ในตู้เย็นและนำโลงศพออกมาวางไว้เพื่อรอใส่ตอนจะนำไปฌาปนกิจศพอีกครั้ง โดยจะนำไปฌาปนกิจยังเชิงตะกอนวัดที่อยู่อีกหมู่บ้าน เนื่องจากเมรุวัดในหมู่บ้านไม่สามารถนำโรงเข้าไปฌาปนกิจได้ ซึ่งจะมีพิธีฌาปนกิจขึ้นในเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ต.ค. นี้