กรณีนายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง อายุ 37 ปี ผู้ต้องโทษในความผิดคดีปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ พ.ร.บ.อาวุธปืน กำหนดโทษรวม 21 ปี 3 เดือน 25 วัน และจะพ้นโทษในวันที่ 6 พ.ค. 2586 ก่อนหลบหนีขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ต่อมาศาลออกได้อนุมัติหมายจับผู้ช่วยเหลือ เสี่ยแป้ง และสามารถจับกุมได้ นั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 ต.ค. แหล่งข่าวที่เชี่ยวชาญพื้นที่ใน จ.พัทลุง ได้ระบุว่า ขณะนี้เชื่อว่าเสี่ยแป้ง หลบหนีอยู่ในเขตพื้นที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ซึ่งเป็นพื้นที่เทือกเขาบรรทัดที่สลับซับซ้อน ยากต่อเจ้าหน้าที่และบุคคลอื่นๆ จะเข้าถึงได้ การที่เจ้าหน้าที่พบความเคลื่อนไหวและติดตามจับกุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ ก็ล้วนเป็นการวางแผนของเสี่ยแป้ งที่ให้ตำรวจติดตามจับกุมบุคคลระดับหางแถว เพื่อลดความกดดันและเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น จะเห็นว่าบุคคลในระดับกลางๆ ขึ้นไป ยังไม่สามารถจับกุมได้ เพราะเสี่ยแป้ง มีสายอยู่ในกลุ่มของเจ้าหน้าที่ เพื่อรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่อย่างละเอียด

แหล่งข่าว ระบุอีกว่า ตอนนี้คาดว่าเสี่ยแป้ง พร้อมพวกอย่างน้อย 15-20 คน ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่จุดหนึ่งในเทือกเขาบรรทัด ซึ่งมีทำเลที่เหมาะสมเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ยากต่อเจ้าหน้าที่หรือใครจะเข้าไปถึงได้ง่าย โดยมีการวางสายไว้ด้านนอก คอยจับตาความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง หากมีบุคคลใดเล็ดลอดเข้าไปในรัศมีก็จะแจ้งให้เสี่ยแป้ง และพรรคพวก ที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ทราบทันที และเตรียมความพร้อมในการต่อสู้ โดยเสี่ยแป้ง มีอาวุธสงครามหนักทุกชนิด แม้แต่เครื่องยิงระเบิดอาร์พีจีก็มีพร้อมเช่นกัน จึงยากที่จะจับกุม แม้จะระดมมือพระกาฬในทีมของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ อดีต รองผบ.ตร. ชุดพิชิตคดีปล้นรังนก มาช่วยก็ตาม ซึ่งอาจจะต้องเกิดความสูญเสีย ในที่สุดแล้วคดีนี้จะจบลงที่การเคลียร์ให้เสี่ยแป้ง มอบตัว โดยมีเงื่อนไขสำคัญบางเรื่องเกี่ยวกับกรณีเจ้าหน้าที่รัฐ 2-3 คนจากคดีปล้นและชิงตัวผู้ต้องหา โดยในครั้งนั้นเจ้าหน้าทีที่ระดมกำลังติดตามไล่ล่าเสี่ยแป้ง อย่างหนักแต่ไม่สำเร็จ จนมีการเคลียร์ให้มอบตัวภายใต้เงื่อนไขบางอย่างและเสี่ยเป้ง ยอมเสียเงินก้อนใหญ่กว่า 10 ล้าน จนมีการดำเนินคดีกับเสี่ยแป้ง พร้อมพวกรวม 7 คน ซึ่ง 1 ในจำนวนนั้นคือเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมที่เป็นผู้ขอร้องให้เสี่ยแป้ง มาช่วยชิงตัวผู้ต้องหา โดยไม่บอกว่าถูกเจ้าหน้าที่จับกุม แต่อ้างว่าถูกแก๊งยาเสพติดอีกฝ่ายหนึ่งที่ขัดแย้งเรื่องผลผประโยชน์มาอุ้มตัว เสี่ยแป้ง หลงเชื่อจึงนำพราคพวกพร้อมอาวุธครบมือมาปล้นและชิงตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวคืน จนเสี่ยแป้ง มารู้ภายหลังว่ากลุ่มบุคคลทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 8

“การดำเนินคดีกับผู้ตองหาในคดีนี้ 7 คนถึงมืออัยการ ปรากฏว่าสั่งฟ้องแค่ 2 คน 1.นาย เชาวลิต หรือ แป้ง ทองด้วง (ศาลพิพากษา 20 ปี 16 เดือน) 2.นายสิทธิเดช หรือจรวด ทรงเดชะ (ศาลพิพากษา 13 ปี 4 เดือน) ตามคดีหมายเลขดำที่ อ 49/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อ 1861/2565 ในขณะที่อีก 5 คนที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ประกอบด้วย นายบอย เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ผู้ที่ขอให้เสี่ยแป้ง ไปช่วยปล้นชิงตัวผู้ต้องหานายติ่ง (ประธานสภา) , ด.ต.ติ๊ก , จ.ส.อ.สมมิตร (ทหาร) และ 5.นายเขียว (พ่อค้ายา) ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับเสี่ยแป้ง เป็นอย่างมาก โดยได้ส่งสัญญาณผ่านญาติๆ ที่ไปเยี่ยมในเรือนจำจังหวัดพัทลุงหลายครั้ง จนมีการย้ายจากเรือนจำพัทลุงมายังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเรือนจำความมั่นคงสูง จนมีการวางแผนก่อเหตุหลบหนีอย่างแยบยล โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการแก้แค้นเจ้าหน้าที่รัฐ 2-3 คนดังกล่าว” แหล่งข่าว ระบุ