เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 2 บ้านโคกป่ากุง ต.หนองเรือ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายวุฒิภัทร วิเศษดอนหวาย แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะในประเทศอิสราเอล ญาติพี่น้องในหมู่บ้านได้ร่วมกันเคลื่อนร่าง จากบ้านเกิดไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่เมรุ วัดบูรพาพัฒนาราม บ้านโคกป่ากุง ต.หนองเรือ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู โดยมีพระสงฆ์นำหน้า พร้อม”แจ๋ม วรรณชัย หรือ นางสาววิภาวดี วรรณชัย ” หรือสื่อโซเซียสให้สมญานาม สาวไทยหัวใจนางฟ้า ที่เคยประสานงานและเข้าช่วยเหลือแรงงานไทยหลายชีวิต ในพื้นที่การสู้รบระหว่างของกลุ่มฮามาส ในชุดผู้ปฏิบัติธรรม รักษาศีล 8 เดินนำหน้า พร้อม นางสาวณัฐชยา วิเศษดอนหวาย ซึ่งเป็นพี่สาวของ นายวุฒิภัทรฯ ถือภาพถ่ายของน้องชายแนบหน้าอกตลอดจนนำร่างที่ไร้วิญญาณขึ้นเมรุท่ามกลางบรรยากาศแห่งความเสียใจ ภายหลังจากพระสงฆ์ ครอบครัวผู้เสียชีวิต และชาวบ้านเคลื่อนศพมาที่วัด
ในขณะเดียวกัน นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ และเป็นตัวแทนส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม มอบสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพให้กับทายาทของ นายวุฒิภัทร วิเศษดอนหวาย เป็นเงินชราภาพ จำนวน 71,107.31 ผลตอบแทน 29,982.23 รวมเป็นจำนวนเงิน 101,089.54 บาทโดยจ่ายให้กับพี่น้องร่วมบิดามารดา จำนวน 5 คน
โดยมี นายพิสิษฐ์ชัย อภัยปิยกุล ปลัดจังหวัดหนองบัวลำภู นพ.ประวิตร ศรีบุญรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู ดร.วุฒิพงษ์ ศิริสถิตย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู หัวหน้าส่วนราชการกระทรวงแรงงาน ประธานสภาวัฒนธรรมจงหวัดหนองบัวลำภู นายจักรพันธุ์ ทองอ่ำ นายอำเภอโนนสัง นายกเทศมนตรีตำบลหนองเรือ หัวหน้าส่วนราชการนระดับอำเภอ และ ชาวบ้านที่เป็นเครือญาติ กว่า 300 คน
พระสงฆ์พิธีสวดตามประเพณีก่อนจะร่วมกันวางดอกไม้จันทน์ เพื่อแสดงความไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้กับผู้เสียชีวิต ซึ่งในขณะที่วางดอกไม้จันทน์นั้น นางสาวณัฐชยา วิเศษดอนหวาย ซึ่งเป็นพี่สาวเหลือคนในครอบครัวเพียงคนเดียว น้ำตาคลอเบ้าแทบใจจะขาดที่ต้องสูญเสียน้องชายไป โดยบอกน้องชายเป็นครั้งสุดท้ายว่าถ้าพูดกับเขาได้อยากบอกว่ารักน้องมาก ยังคิดถึงน้องอยู่เสมอ ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก
นางสาวณัฐชยา วิเศษดอนหวาย กล่าวว่า ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยเหลือติดตามข่าวน้องชายและรับส่งศพกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด เมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 1 พย.ที่ผ่านมา และตนเป็นตัวแทนครอบครัวผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียวที่บ้านหลังนี้ ส่วนพี่ๆได้แยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว ในขณะที่พี่ชายคนโตได้อุปสมบทได้หลายสิบพรรษาแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือมาโดยตลอด โดย น.ส.ณัฐชยาฯ พี่สาวของนายวุฒิภัทรฯกล่าวว่า น้องชายไปทำงานที่อิสราเอลตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.2564 ไปโดยทำเรื่องผ่านกระทรวงแรงงาน ทำสัญญา 5 ปี 3 เดือน ทำงานด้านการเกษตร หนี้สินยังค้างอยู่พอสมควร ขณะนี้ได้ 2 ปีกว่าช่วงที่อยู่ที่โน่นก็จะโทรวีดิโอคอลมาคุยกับตนกับน้องชายแทบทุกวัน ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับน้อง
ณัฐชยาฯพี่สาวของวุฒิภัทรฯกล่าวว่า“ช่วงก่อนที่น้องจะไปทำงานน้องบอกเสมอว่าอยากให้คนครอบครัวของเรามีความสุขครอบครัวเรายังต้องต่อสู้ดิ้นรน ไม่มีฐานะเหมือนครอบครัวอื่น เรามีกันในเวลานั้นเพียงคุณพ่อ(พ่อพึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว) และพี่ๆรวมถึงพี่สาวเหลืออยู่คนเดียวเท่านั้น ขณะตอนที่น้องเขามีชีวิตอยู่เป็นคนที่มีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน เสียสละชอบช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะชอบบริจาคโลหิต และชอบไปทำบุญกับตนเองเสมอมา แต่ตอนนี้น้องเขาเสียชีวิตไปแล้ว ตนเองก็จะทำหน้าที่คนในครอบครัวให้ดีที่สุด ซึ่งในช่วงที่ขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ก่อนจะเผานั้นก็ได้บอกน้องขอให้หลับให้สบาย ไปเกิดในภพภูมิที่ดี ไม่ต้องห่วงพี่ๆจะดูแลตนเองและรักษาเกียรติยศวงศ์ตระกูลให้ดีที่สุด รวมทั้งตั้งใจจะทำบุญให้กับน้องที่เสียชีวิตพร้อมกันทีเดียว “
ส่วนทางด้าน นางสาววิภาวดี วรรณชัย หรือแจ๋ม หญิงไทยหัวใจเด็ดที่เคยประสานงานและเข้าช่วยเหลือแรงงานไทยหลายชีวิต ในพื้นที่การสู้รบระหว่างของกลุ่มฮามาส อยู่ในชุดผู้ปฏิบัติธรรม รักษาศีล 8 กล่าวว่า วันนี้แม้จะไม่รู้จักกันกับน้องแต่ก็ได้มีพี่สาวของผู้ตายได้มีการติดต่อกันตั้งแต่รู้ว่าน้องชายเสียชีวิต ฝากให้มาส่งน้องแทนด้วย วันนี้ได้ตั้งใจถือศีล 8 เพื่อที่จะมาส่งน้องในวาระสุดท้าย และรู้สึกเสียใจกับครอบครัว พูดอะไรไม่ออก