เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่โรงแรมอัลวาเรซ จ.บุรีรัมย์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับมรภ.สุรินทร์ จัดประชุมวิชาการ “พลิกโฉมโรงเรียน สร้างต้นแบบนวัตกรรมครูสู่นวัตกรรมนักเรียน แบบ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยมีโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง 9 จังหวัดเข้าร่วมประชุม และนำเสนอผลงานนวัตกรรมรวมมากกว่า 200 รายการ

นายศุภสิน ภูศรีโสม ผอ.สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สพฐ. กล่าวว่า การสอนด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เป็นนวัตกรรมที่ส่งผลต่อนักเรียนได้มาก เนื่องจากเป็นการสอนแบบ Active Learning ที่ฝึกกระบวนการคิดของเด็ก ทำให้เด็กกล้าคิดกล้าแสดงออก เกิดการคิดและต่อยอดซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนานวัตกรรมทั้งของครูและนักเรียน ทำให้นักเรียนในอนาคตมีทักษะกระบวนการคิดชั้นสูงได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคต สพฐ.คงต้องขยายผลการเรียนการสอนรูปแบบนี้ให้มากขึ้น หรืออาจจะนำหลักการสอนแบบนี้ไปลงในแพลตฟอร์มของ สพฐ. หรือ ส่งเสริมให้ศึกษานิเทศก์ประจำเขตพื้นที่การศึกษาไปขยายผลให้ครูได้นำไปใช้ต่อไป เชื่อมั่นว่าการเรียนนการสอนแบบนี้จะได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งนี้การจัดการศึกษาของ สพฐ.ต้องอิงตามนโยบายของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) คือ “เรียนดี มีความสุข” ซึ่งกระบวนการเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข และส่งผลต่อการลดภาระนักเรียน ลดภาระครู ลดภาระผู้ปกครอง ตามนโยบายได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดภาระครูและนักเรียนจะทำให้ครูมีเวลาในการสอนให้เด็กเกิดกระบวนการคิดได้มากขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นคนคิดและมีเหตุผลมากขึ้น ที่ผ่านมาสำนักพัฒนานวัตกรรมฯ ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาหลายแห่งสามารถสร้างนวัตกรรมครูในหลายโรงเรียน จนเป็นต้นแบบที่นำไปเผยแพร่ทั่วประเทศได้

ด้านผศ.ดร.วสันต์ชัย กากแก้ว รองอธิการบดี ฝ่ายยุทธศาสตร์การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา มรภ.สุรินทร์ กล่าวว่า มีโรงเรียนต้นแบบในพื้นที่รวม 9 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ มหาสารคาม ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เข้าร่วมจำนวน 59 โรงเรียน และมีการนำเสนอผลงานนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู และนวัตกรรมนักเรียนมากกว่า 261 รายการ เพื่อสรุปความรู้ที่ได้จากประสบการณ์การปฏิบัติจริง และนำเสนอความสำเร็จต่อสาธารณชน โครงการนี้ยังสอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ด้านการศึกษาที่ได้กำหนดกิจกรรมปฏิรูปที่ 2 การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถณะ เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนในปัจจุบันไปสู่การเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ภายใต้หลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standard-based Curriculum) ด้วยการพัฒนาคุณภาพและศักยภาพรวมทั้งส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาชีพของผู้บริหาร ครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา สำหรับเขตพื้นที่การศึกษาต่างๆ ใน 9 จังหวัดดังกล่าว และยังเป็นการตอกย้ำนโยบายของศธ.และสพฐ.ที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2564 ว่า สามารถขับเคลื่อนให้เกิดผลได้จริงในระดับโรงเรียน โดยสะท้อนความสำเร็จเป็นความหวังให้เห็นได้ว่าจะดำเนินการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบให้พัฒนาการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ให้กับครูได้แล้วใน 4 ภูมิภาค และมีศักยภาพที่จะขยายผลให้ครอบคลุมทั้งประเทศได้ในเร็วๆ นี้ โดยมีเป้าประสงค์นำไปสู่การยกระดับคุณภาพผู้เรียน เกิดสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทุกด้าน รวมทั้งนำหลักการต่างๆ ไปใช้จนเกิดผลลัพธ์เป็นผลผลิต เช่น ชิ้นงาน โครงงาน นวัตกรรม ส่งผลให้ผู้เรียนทุกคนสามารถพัฒนาเป็นนวัตกรได้ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายตามที่ยุทธศาสตร์ชาติกำหนดไว้ และตอบสนองนโยบายสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์หรือ Soft Power ของประเทศได้เป็นอย่างดี

“เด็กและเยาวชนในศตวรรษที่ 21 ได้รับข้อมูลข่าวสารมากมาย ถ้าเด็กได้ใช้กระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ซึ่งเป็นกระบวนการคัดกรองข้อมูล เริ่มตั้งแต่ขั้นที่ 1 คือการรวบรวมข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ แยกแยะให้เป็นเรื่องเป็นราวในขั้นตอนที่ 2 ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 ที่เป็นการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร แล้วเข้าสู่การสร้างสรรค์ นำเสนอในขั้นตอนต่อไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ เพราะถ้าคนรุ่นใหม่ไม่ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ และสังเคราะห์ก่อน แต่นำเสนอผ่านไปเลย จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างได้ ดังนั้นการพลิกโฉมประเทศตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ต้องเริ่มที่การปรับกระบวนการเรียนรู้ ปรับการเรียนการสอน เพื่อให้คนมีกระบวนการคิดขั้นสูงที่เป็นระบบ ซึ่งครูเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างมาก จึงเห็นว่าศธ.และ สพฐ.ควรต้องขยายผลเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป” ผศ.ดร.วสันต์ กล่าว