จากกรณีข่าวดราม่า นักศึกษาสาวจากมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ออกมาโพสต์ รับสารภาพป่วย HIV ตั้งแต่กำเนิดแต่ดันมาอกหักรับไม่ได้ เลยตระเวนเที่ยวกลางคืนแพร่เชื้อผู้ชายมาแล้วกว่า 7 เดือน ซึ่งทำให้ประเด็นนี้ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์เป็นอย่างมากในขณะนี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 “สำนักวิจัย สยาม เทคโน โพล” (Siam Techno Poll) วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เปิดเผยผลสำรวจเรื่องความเสี่ยงเอดส์ของคนไทย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,021 ราย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม–4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาพบประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ

เมื่อถามถึงประสบการณ์เคยพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ผ่านแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.7 ระบุ เคยพูดคุยกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนผ่านทางแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ ในขณะที่ร้อยละ 34.3 ระบุ ไม่เคย เมื่อถามต่อถึงประสบการณ์พบเจอคนที่รู้จักกันผ่านแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ พบว่า เกินครึ่ง หรือร้อยละ 51.4 ระบุ เคยพบเจอคนที่รู้จักกันผ่านแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ และร้อยละ 48.6 ระบุ ไม่เคย

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวกับคนที่รู้จักกันผ่านแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.7 ระบุ ไม่เคย และในขณะที่ ร้อยละ 34.3 ระบุ เคยเดินทางท่องเที่ยวกับคนที่รู้จักกันผ่านแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ เมื่อถามต่อถึงประสบการณ์ที่คนที่รู้จักกันผ่านแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ มาพบที่บ้านพัก พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 80.0 ระบุ ไม่เคย ในขณะที่ร้อยละ 20.0 ระบุ คนที่รู้จักกันผ่านแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ มาพบที่บ้านพัก

ที่น่าเป็นห่วงคือ เมื่อถามถึงประสบการณ์เคยนอนพักห้องพักเดียวกันกับคนที่รู้จักกันผ่านแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก ไอจี ทวิตเตอร์ เป็นต้น พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 74.3 ระบุ ไม่เคย ในขณะที่ ร้อยละ 25.7 ระบุ เคยนอนพักห้องพักเดียวกันกับคนที่รู้จักกันผ่านแอปต่าง ๆ ทางออนไลน์ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก ไอจี ทวิตเตอร์

จากผลการสำรวจยังพบประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ สภาวะความเสี่ยงต่อโรคเอดส์ของคนไทย พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.1 ระบุ ขณะมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหรือคู่รัก ไม่ป้องกัน ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ในขณะที่ ร้อยละ 51.4 ระบุ รู้สึก เขิน อาย เวลาซื้อสินค้าเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ เช่น ถุงยางอนามัย ยาคุม ร้อยละ 28.6 ระบุ มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น นอกจากแฟนหรือคู่รัก มากกว่า 1 คน และร้อยละ 17.6 ระบุ มีเพศสัมพันธ์กับผู้ให้บริการทางเพศ สถานบริการต่าง ๆ เช่น อาบอบนวด บริการทางเพศผ่านออนไลน์ สถานบันเทิง โรงแรม เป็นต้น

นายธนากร พงษ์ภู่ นักวิจัยสำนักวิจัยสยามเทคโนโพล กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง จากข้อมูลและปัจจัยต่างๆ ความเสี่ยงเอดส์ของคนไทย จะเห็นได้ว่าคนไทยมีความเสี่ยงเอดส์จำนวนมากในหลายกลุ่มประชากร ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งพฤติกรรมส่วนบุคคล ทัศนคติและความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับโรคเอดส์ รวมถึงการป้องกันและรักษาโรคเอดส์ที่ล่าช้า เพื่อลดความเสี่ยงเอดส์ของคนไทยอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมีการทำงานอย่างเข้มแข็งกับภาคประชาสังคมในการออกแบบมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันให้ทันกับยุคสมัยคนรุ่นใหม่ในโลกดิจิทัลที่ทุกอย่างอยู่บนฝ่ามือ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเพศสัมพันธ์แบบใจเร็วด่วนได้ และได้เชื้อเอชไอวีเข้ามา อันเป็นสาเหตุมาจากพฤติกรรมเสี่ยงที่กำลังแพร่ระบาดขึ้นในกลุ่มประชากรกลุ่มต่าง ๆ เวลานี้ ประชาชนควรตระหนักถึงความเสี่ยงของตนเองและปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีอย่างเคร่งครัด

ธนากร พงษ์ภู่

นายธนากร กล่าวต่อว่า ควรปรับรูปแบบการเข้าถึงการป้องกันและการรักษามุ่งเน้นให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทุกกลุ่มช่วงอายุ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน เพราะมันมีโอกาสก้าวข้ามและไขว่คนในช่วงอายุต่างกันได้ การรณรงค์เรื่องความเสี่ยงเอดส์ทุกระยะจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งก่อนเป็น ระหว่างเป็นและเมื่อรู้ว่าเป็นแล้ว ควรมีความรู้ความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโรคเอดส์ และทำให้เรื่องการซื้อสินค้าเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์และเรื่องเพศด้านอื่น ๆ เป็นเรื่องธรรมดาในการแสดงตนจับจ่ายใช้สอยสินค้าเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ที่นำมาพูดคุยและให้คำปรึกษากันได้โดยไม่เขินอาย อย่างไรก็ตาม อาจจะยังมีความจำเป็นในการมีกลุ่มให้คำปรึกษา โดยไม่เปิดเผยตัวตนกันได้ในกรณีของคนที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนในเรื่องความเสี่ยงและการรักษาโรคเอดส์ที่เกิดขึ้นกับตนเองผ่านทางเครือข่ายภาคประชาสังคมที่จริงจังและต่อเนื่อง