เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สังคมไทยแห่วิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล หลังจากมีนักศึกษาสาวสวยคนหนึ่ง ได้โพสต์สารภาพความผิดยอมรับว่าเป็นผู้ป่วย HIV มาตั้งแต่กำเนิด แต่ว่าดันมาอกหักจึงหาอะไรทำแก้เหงาด้วยการเที่ยวกลางคืนและจบที่ one night stand พร้อมแพร่เชื้อผู้ชายมาแล้วกว่า 7 เดือน
โดยเธอเล่าว่า “คิดอยู่นานว่าจะโพสต์ดีมั้ย คือเราเรียนอยู่ปี 2 จะขึ้นปี 3 ค่ะ เริ่มเที่ยวครั้งแรกช่วงเดือนเมษายน เพราะอกหัก ไปเที่ยวทีไรก็จะได้ one night stand ตลอดค่ะ และที่รู้สึกผิดที่สุดเลยคือเราเป็น HIV ตั้งแต่กำเนิด สงสารคนที่เคยมีอะไรกับเรา ขออโหสิกรรมให้เราด้วยนะ ตอนนี้เราอยากหนีไปบวชชีที่ไหนไกล ๆ ไม่อยากเจอใครเลย มีภาพเข้ามาในหัวว่าผู้ชายเขาก็จะต้องมีครอบครัวในอนาคต เรากังวลว่าเขาจะติดเชื้อ เราไม่อยากให้แฟนและลูกในอนาคตเขาต้องมาเจออะไรแบบเราค่ะ ที่ผ่านมา 7 เดือน เราเที่ยวแทบทุกวัน แต่ที่ไปบ่อยก็คือผับข้างปั๊มน้ำมัน คือเราทานยาทุกวัน แต่ก็ดื่มเหล้าทำให้เชื้อดื้อยาค่ะ เลยขอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว จะรักษาตัวเองจะตั้งใจเรียนให้จบ คนที่เรานัดกันในผับถ้ามาเจอข้อความนี้ เราอยากให้ทุกคนไปตรวจด้วย เพราะตอนนี้เราก็มีภาวะแทรกซ้อนเลยทำให้ดื่มไม่ได้อีก เป็นห่วงนะคะ”
สำหรับโรค HIV เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมทั้งโรคเอดส์ (AIDS) คือระยะท้ายของการติดเชื้อ HIV ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและมีโรคแทรกซ้อนได้ เชื้อ HIV จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า CD4 (ซีดีโฟร์) ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายลดต่ำลง ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เชื้อ HIV สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสเลือด น้ำเหลือง น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด ส่วนน้ำลาย เสมหะและน้ำนมมีปริมาณเชื้อ HIV น้อย สำหรับเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระแทบไม่พบเลย ทั้งนี้มีช่องทางการติดต่อที่สำคัญ ได้แก่
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เช่น ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย ไม่ว่าชายกับชาย ชายกับหญิง หรือหญิงกับหญิง ทั้งทางช่องคลอดและทวารหนัก ก็ล้วนมีโอกาสติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ จากข้อมูลของการระบาดวิทยาพบว่า มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ติดเชื้อ HIV ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
- ใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งมักพบในกลุ่มผู้ฉีดสารเสพติดเข้าเส้นเลือด
- การสัมผัสเลือดหรือน้ำเหลืองของผู้ติดเชื้อ HIV ผ่านผิวสัมผัสที่เป็นแผลเปิดหรือรอยถลอก รวมทั้งการใช้ของมีคมร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV โดยไม่ทำความสะอาดอุปกรณ์ให้สะอาดเพียงพอ เช่น มีดโกนหนวด กรรไกรตัดเล็บ เข็มสักผิวหนังหรือคิ้ว เข็มเจาะหู
- การติดต่อจากแม่สู่ลูก ทั้งระหว่างตั้งครรภ์ การคลอดและการเลี้ยงดูด้วยนมแม่
- การรับโลหิตบริจาคที่มีเชื้อ HIV ปนเปื้อน ซึ่งมีโอกาสน้อยมากในปัจจุบัน เนื่องจากโลหิตที่ได้รับบริจาคทุกขวดต้องผ่านการตรวจหาการติดเชื้อ HIV เพื่อความปลอดภัย
หากสงสัยว่าได้รับเชื้อ HIV ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อกินยาต้านเชื้อ HIV แบบฉุกเฉินหรือยา PEP (เพ็บ) ภายใน 72 ชั่วโมง หรือหากมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อสามารถกินยา PrEP (เพร็บ) ซึ่งเป็นยาที่กินก่อนที่จะได้รับเชื้อหรือป้องกันเชื้อ HIV ได้…
ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งเรื่องข้อมูลโรค : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล