นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 67 ธนาคารจะรุกธุรกิจความมั่งคั่ง หรือเวลธ์ โดยจะประกาศแผนบริหารจัดการเวลธ์ในช่วงต้นปี 67 โดยมองว่าในปี 67 อุตสาหกรรมธนาคารต้องเจอความท้าทายทั้งการหาการเติบโตใหม่ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกธนาคารต้องทำ, การใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการต้นทุน และได้ตั้งเป้าภายในปี 68 จะต้องสร้างรายได้ที่เกิดจากช่องทางดิจิทัล 25% จากปัจจุบันเพียง 3-4% เท่านั้น

“ช่วง 1 ปีครึ่งหลังจากมีเอสซีบี เอกซ์ เป็นบริษัทแม่ ที่สำคัญคือต้องหากลยุทธ์ให้เจอ หลังรับตำแหน่งซีอีโอ มีโจทย์ท้าทาย ทำอย่างไรถึงต้องได้รับความไว้วางใจ ให้คนเชื่อใจมาฝากเงินไว้กับไทยพาณิชย์ โดยได้ยึดหลักเก้าอี้ 3 ขา คือ ต้องมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง, พนักงานต้องรู้สึก สนุก สามัคคี และสำเร็จ เชื่อว่าถ้าเกิดสิ่งนี้ ลูกค้าจะได้ประโยชน์ และสุดท้ายก็นำพาไปสู่การตอบโจทย์ของผู้ถือหุ้น”

นายอรพงศ์ เทียนเงิน ผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานเทคโนโลยี ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 67 ธนาคารเตรียมเงินลงทุนด้านไอทีไว้ 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 66 ที่ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากต้องการปรับปรุงระบบและพัฒนาด้านไอทีให้สามารถรองรับผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้น จากปัจจุบันมีลูกค้าโมบายแบงก์กิ้ง 17 ล้านคน และเป็นผู้ใช้งานหลักที่มีความเคลื่อนไหว 14 ล้านคน คิดเป็น 33 ล้านบัญชี ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารเคยลงทุนไอทีมาแล้ว 30,000 ล้านบาท

นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเวลธ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายการบริหารจัดการเวลธ์เป็นอันดับ 1 ในไทย ซึ่งมีความท้าทายท่ามกลางความไม่แน่นอนสูง โดยมีแผนเน้นเวลธ์เลนดิ้ง หรือการปล่อยสินเชื่อให้กับคนที่มีที่ดินปลอดหนี้ และนำเงินที่ได้มาลงทุนต่อเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยใน 3 ปีข้างหน้าจะปรับเพิ่มผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น

นอกจากนี้ มีแผนที่จะดึงลูกค้าเอสเอ็มอีมาเป็นลูกค้าเวลธ์ ซึ่งถ้าเอสเอ็มอีสนใจก็จะได้สินเชื่อเวลธ์เลนดิ้งด้วย โดยเป้าหมายหลักคือต้องการเป็นที่ 1 ภายใน 3 ปี ซึ่งต้องไปพร้อมกันทั้งลูกค้า พอร์ตการบริหารจัดการ หรือเอยูเอ็ม และที่สำคัญลูกค้าต้องโตยั่งยืน