นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังควบรวมกิจการของทรูและดีแทค ได้เดินหน้าทำโครงการ รวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว “Single Grid”  ซึ่งเป็นการยกระดับสัญญาณมือถือ 5G และ 4G  ลดจุดเสาสัญญาณในพื้นที่ซ้ำซ้อน แล้วนำสถานีฐานบนเสาดังกล่าว มารวมไว้ในเสาต้นเดียวกัน  เพื่อให้เกิดการประสานคลื่นความถี่ (โรมมิ่ง) และอัปเกรดสัญญาณอย่างรวดเร็ว โดยลูกค้ากว่า 76% ได้ใช้งานในย่านความถี่  2600 MHz และ 700 MHz  ที่มีความเสถียรแม่นยำ

“แบรนด์ทรูและดีแทค ได้เริ่มปูพรม “Single Grid” ทั่วไทย เมื่อกลางปีที่ผ่านมา เพื่อให้ลูกค้าทั้งหมดกว่า 50 ล้านหมายเลข ได้รับบริการที่ดีขึ้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 68 ซึ่งจะทำให้ลูกค้าแบรนด์ทรู ที่เดิมจะสามารถใช้เสาสัญญาณได้ 3.5 หมื่นเสา จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 หมื่นเสา และแบรนด์ดีแทค ที่เดิมจะใช้งานเสาได้ 2.4 หมื่นเสา เพิ่มเป็น 4.2 หมื่นเสาสัญญาณเช่นกัน โดยปัจจุบันโครงข่าย 4G ของทรู-ดีแทค นั้นครอบคลุมประชากร 99% โดยโครงข่าย 5G ของทรู-ดีแทคตั้งเป้าขยายให้ถึง 97% ภายในปี 68”

นายประเทศ กล่าวต่อว่า การรวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว (Single Grid) ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการดำเนินงานที่ผสานจุดแข็งเสาสัญญาณของทรูและดีแทค ซึ่งการควบรวมของบริษัทโทรคมนาคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ต่างก็มีการรวมโครงข่ายให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งยืนยันว่า หลังการควบรวมของทรูและดีแทคคุณภาพสัญญาณต้องดีขึ้นกว่าเดิม   

โดยจะมุ่งเน้นความสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าให้ดีขึ้นด้วยการเพิ่มพื้นที่ครอบคลุมการใช้งานพร้อมนำคลื่นความถี่รวมกันเพื่อให้บริการมีประสิทธิภาพสูงสุดจากผสานคลื่นที่มีครบทุกย่านมากที่สุด คือ 700 MHz, 850 MHz, 900 MHz, 1800 MHz, 2100 MHz, 2300 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz

“การทำโครงข่ายเดียว หรือ Single Grid ได้นำร่องในพื้นที่ภาคใต้เสร็จสมบูรณ์แล้ว  ส่งผลให้สัญญาณ 5G และ 4G แรงและเสถียรขึ้น โดยเฉพาะการใช้งานภายในบ้าน ช่องสัญญาณ (Capacity) รองรับการใช้งานได้มากขึ้น ทุกคลื่นความถี่ และจากการทดสอบ 5G คลื่น 2600 MHz, 5G คลื่น 700 MHz, 4G คลื่นความถี่ต่ำ (Low band), 4G คลื่นความถี่กลาง (Mid band) พบว่าความเร็ว ความแรง และคุณภาพสัญญาณดีขึ้นราว 2 เท่า”  นายประเทศ กล่าว