สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองไท่หยวน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่า ตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นต้นมา เมืองหยางเฉวียน ในมณฑลซานซี ทางตอนเหนือของจีน ซึ่งเปิดให้มีการขับขี่อัตโนมัติทั่วทุกพื้นที่ มีการใช้รถขนส่งพัสดุด่วนไร้คนขับ 12 คัน ขนส่งพัสดุให้ผู้บริโภค โดยปริมาณการขนส่งสูงถึงเกือบ 10,000 รายการต่อวัน


เฝิงไห่ปิน เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จีน กล่าวว่า รถขนส่งเหล่านี้ช่วยลดเวลาการทำงานของเขาลงได้ 1 ชั่วโมง แถมช่วยให้ขนส่งพัสดุด่วนได้มากกว่า 30%


ยานพาหนะเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 4 (แอล 4) มีขนาดตัวรถใกล้เคียงกับ “สมาร์ต” (Smart) แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในเครือเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รับน้ำหนักได้ 600 กิโลกรัม และสามารถขนส่งพัสดุได้สูงสุดเกือบ 800 ชิ้นต่อวัน

แฟ้มภาพซินหัว : ยานพาหนะขนส่งไร้คนขับซึ่งบรรทุกสินค้า กำลังออกเดินทาง วันที่ 2 พ.ย. 2566


นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีไลดาร์ 2 ตัว พร้อมกล้อง 11 ตัว ทำให้ตรวจจับไฟจราจร ยานพาหนะ คนเดินเท้า ฯลฯ ภายในระยะ 120 เมตรได้ พร้อมทั้งยังมีการติดตั้งชิปสมรรถนะประมวลผล “254 TOPS” หรือประมวลผลเทระต่อวินาที จึงสามารถปรับแผนการเดินทางให้เข้ากับสถานการณ์บนท้องถนน แต่หากเผชิญเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งประจำการอยู่ ก็ยังสามารถควบคุมยานพาหนะจากระยะไกลได้แบบเรียลไทม์ ผ่านสัญญาณ 5จี


ตลาดขนส่งพัสดุของจีนมีขนาดใหญ่มาก โดยเมื่อปี 2565 ปริมาณการขนส่งด่วนของจีนพุ่งทะลุ 1.1 แสนล้านชิ้น ครองอันดับหนึ่งของโลก 9 ปีติดต่อกัน การใช้งานยานพาหนะไร้คนขับได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังช่วยขยายโอกาสทางการตลาด


ด้านไชน่า อินเตอร์เนชันนัล แคปิตัล คอร์ปอเรชัน (ซีไอซีซี) คาดการณ์ว่า ตลาดการขนส่งด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติของจีนจะสูงถึง 170,000 ล้านหยวน (ราว 851,000 ล้านบาท)

แฟ้มภาพซินหัว : การสาธิตยานพาหนะไร้คนขับ ในสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วันที่ 20 มี.ค. 2566


ไม่เพียงเท่านั้น ยานพาหนะไร้คนขับของจีนได้ออกเดินทางสู่ทั่วโลกแล้ว หนึ่งในนั้นคือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ซึ่งได้มีการใช้งานยานพาหนะไร้คนขับเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คณาจารย์และคณะนักศึกษา


รศ.ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า ยานพาหนะคันนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้นักศึกษาและบุคลากรของสถาบัน มีช่องทางจับจ่ายซื้อสินค้าได้สะดวกสบายขึ้นเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาชีวิตนักเรียนและบุคลากรในรั้วมหาวิทยาลัย อีกทั้งระบบนำทางอัจฉริยะและระบบรักษาความปลอดภัยของรถ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA