เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีสายการบินจีนจำนวนหนึ่ง ที่มีแผนจะให้บริการเส้นทางจากหลายเมืองของจีน ของตารางการบิน (slot) สู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจองใช้บริการภาคพื้นของบริษัทการบินไทย แต่สุดท้ายต้องยกเลิก เนื่องจากไม่มีดีมานด์ของผู้โดยสารที่เพียงพอ จะส่งผลต่อกรณีที่เราเปิดฟรีวีซ่าให้คนจีนหรือไม่ ว่า ไม่ได้ยกเลิกทั้งหมด พอมีฟรีวีซ่าก็อาจจะมีการจองเข้ามาเยอะ แต่นโยบายภายในประเทศของจีนเอง ก็สนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวภายในประเทศเยอะ สภาพเศรษฐกิจเองก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้ ฉะนั้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่คิดว่าอาจจะเข้ามาเยอะมาก ก็ไม่ได้เข้ามาเยอะขนาดนั้น แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่มีนโยบายนี้ ก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่
นายเศรษฐา กล่าวว่า ทั้งนี้จากที่ตนได้เจอกับ Booking.com ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Agoda.com ที่เป็นเว็บออนไลน์ทำเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศ ก็คอนเฟิร์มชัดเจนว่ามีนักท่องเที่ยวจีน เข้ามาทำธุรกรรมประมาณ 3 เท่า ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งตนก็ได้พูดไปในวงหารือหนึ่งว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเป็นประเด็นหนึ่ง แต่อีกประเด็นหนึ่งที่เราให้ความสำคัญมากกว่า คือจำนวนวันที่อยู่กับการใช้จ่ายต่อคน ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด การเดินทางมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นมาก ฉะนั้นเขามาถึงแล้ว การจับจ่ายใช้สอยจะน้อยลง ตรงนี้ก็เข้าใจ จึงเป็นที่มาที่ไปในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวด้วยมาตรการต่างๆ ผ่านการท่องเที่ยว ด้วยการเปิดฟรีวีซ่าให้ชาวไต้หวันและชาวอินเดีย และกำลังพิจารณาอีกหลายมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่ารัฐบาลเปิดฟรีวีซ่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนจะมีกลุ่มจีนสีเทาเข้ามาแสวงธุรกิจ โดยมีกระบวนการขอทาน นายกฯ ได้ติดตามและสั่งการในเรื่องนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ติดตามอยู่ จีนสีเทาก็มีอยู่มานานแล้ว อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องของฟรีวีซ่าหรือเปล่า เราก็ต้องบริหารจัดการกันต่อไป ซึ่งเรื่องของคนจีนขอทาน ก็ไปเช็กดูแล้วว่าเข้ามาก่อน ตรงนี้ก็มีการจัดการไป เราก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายไป ซึ่งก็มีขั้นตอนการเข้ามาคือการตรวจคนเข้าเมือง.