สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองซาบัง ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ว่า เรือโดยสารหลายลำของชาวโรฮีนจารวมมากกว่า 1,000 คน เดินทางมาขึ้นฝั่งที่อินโดนีเซีย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้ลี้ภัยกลุ่มล่าสุด จำนวน 219 คน เดินทางมาถึงเมืองซาบัง ทางตะวันตกของจังหวัดอาเจะห์ ช่วงกลางดึกของวันอังคารที่ผ่านมา ทว่าพวกเขาถูกชาวเมืองข่มขู่และปฏิเสธ

ด้านสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ระบุว่า ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเมืองซาบัง ตกลงที่จะย้ายชาวโรฮีนจาด้วยเรือเฟอร์รี ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่อาคารตรวจคนเข้าเมืองหลังเก่า ในเมืองลกเซอมาเว ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของจังหวัดอาเจะห์
อย่างไรก็ตาม นายอิซาร์ ริซกี เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองท้องถิ่น กล่าวว่า ศูนย์พักพิงดังกล่าวไม่เหมาะสำหรับการใช้งานอีกต่อไป เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางการอินโดนีเซียส่งผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจามาที่นี่ประมาณ 292 คน และศูนย์พักพิงไม่อยู่สภาพซึ่งสามารถรองรับคนมากกว่า 500 คนได้
“การหลั่งไหลเข้ามาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถือเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่สุด ของผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาที่เดินทางมาถึงอินโดนีเซีย นับตั้งแต่ปี 2558” นางแอน เมย์มานน์ ตัวแทนของยูเอ็นเอชซีอาร์ในอินโดนีเซีย กล่าว
แม้ชาวอาเจะห์หลายคน ซึ่งมีความทรงจำเกี่ยวกับความขัดแย้งอันนองเลือดมานานหลายสิบปี แสดงความเห็นใจต่อชะตากรรมของชาวโรฮีนจา แต่บางคนกล่าวว่า พวกเขาถูกทดสอบความอดทน เนื่องจากชาวโรฮีนจาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่น้อยนิด และมีความขัดแย้งกับคนในพื้นที่เป็นครั้งคราว
อนึ่ง อินโดนีเซียไม่ได้เป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย ฉบับปี 2494 และแสดงความไม่พอใจที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่รับผู้ลี้ภัยจากเมียนมา แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่ม ระบุว่า รัฐบาลจาการ์ตาควรดำเนินการมากกว่านี้ เพื่อมอบความช่วยเหลือภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศอื่น ๆ เช่น อนุสัญญาคุ้มครองความปลอดภัยของชีวิตผู้คนในทะเล.
เครดิตภาพ : AFP