เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 66 น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี นักธุรกิจสาว เข้าร้อง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจ ‘สายไหมต้องรอด’ ขอความช่วยเหลือ หลังถูกหมอดูชื่อดัง ใน จ.กาญจนบุรี หลอกลวงจนเสียตัว เสียเงินกว่า 14 ล้านบาท โดย น.ส.เอ เบื้องต้นเล่าว่า รู้จักกับหมอดูรายนี้ทางโซเชียลเมื่อช่วงปลายปี 2564 จึงโทรศัพท์ไปให้ดูดวงเสียค่าดู 300 บาท และมีหลายเรื่องที่หมอดูทักตรงกับที่เกิดกับตัวเองหลายเรื่อง เลยเชื่อถือ
น.ส.เอ เผยอีกว่า กระทั่งเข้าปี 2565 ไปซื้อบ้านย่านดอนเมือง เลยนึกถึงและติดต่อให้มาดูฮวงจุ้ยบ้าน แต่หลังจากนั้นได้ทักว่าตนถูกคุณไสย มีสีหน้าหมองคล้ำจึงตกใจ เพราะตรงกับที่ตนนอนไม่หลับและฝันแปลกๆ บ่อยครั้ง จึงเชื่อและบอกหมอดูไป หมอดูก็บอกว่าให้ต้องรีบแก้คุณไสยไม่งั้นไม่ทัน ตนจึงยอมตกลง ก่อนที่จะให้พาขึ้นไปบนห้องนอน ทำพิธีสองต่อสอง โดยให้เปลี่ยนชุดนอนแล้วให้ไปนั่งตักหันหน้าเข้าหาหมอดู แล้วบอกให้ทำเหมือนกับทำกับสามี แล้วกอดจูบ ลูบคลำตามตัว ก็รู้สึกตกใจ แต่ไม่ยังไม่กล้าขัดขืน สักพักก็หยุดแล้วบอกว่าเสร็จพิธีแล้ว ให้คอยดูว่าอาการนอนไม่หลับฝันแปลกๆ จะหายไหม
น.ส.เอ เล่าอีกว่า จากนั้นประมาณ 1 เดือน ยังรู้สึกเหมือนเดิมไม่ดีขึ้น เลยโทรศัพท์ไปสอบถามหมอดู คราวนี้นัดให้ไปหาที่สำนัก อ้างว่าต้องนั่งสมาธิไหว้พระ จึงไปหาพอไปถึงสำนัก พอไปถึงเห็นมีรูปถ่ายคู่กับดารา นางเอก นักการเมือง จำนวนมาก จึงยิ่งทำให้เชื่อถือมากขึ้น จากนั้นหมอดูได้ทำเหมือนเดิมเลยไม่คิดอะไร เพราะคิดว่าเป็นวิธีถูกต้อง ต่อมาช่วงเดือน มี.ค. 2565 ได้ให้ดูดวงให้และทักว่าสามีตนนอกใจมีผู้หญิงอื่นหลายคน พอได้ยินก็ตกใจเพราะสามีไม่ค่อยมีเวลาให้ บอกว่างานเยอะ จึงทำให้ปักใจเชื่อ จากนั้นเสนอวิธีแก้ ให้รีบเดินทางมาพบด่วนจึงไปหา
น.ส.เอ เล่าว่า เมื่อไปถึงได้พาเข้าไปในห้องนอน ในสำนัก และให้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมด บอกว่าจะลงของเรียกสามีกลับมาด้วยวิธีการสมสู่ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก เพราะเสียใจเรื่องสามีมีภรรยาน้อย จึงยอมหลับนอนด้วย จากนั้นหมอดูกลับเปลี่ยนไป พยายามพูดให้ตัดขาดกับสามีตลอด อ้างว่าสามีมีคนอื่น เวลาไม่ได้อยู่ด้วยกันสามีกำลังมีความสุขอยู่กับผู้หญิงอีกคน พยายามพูดต่างๆ นานา จนสุดท้ายก็เลิกกับสามี แล้วออกอุบายให้ไปคบหากับหมอดู ทำตัวให้เหมือนเป็นผัวเมียกัน เพื่อเพิ่มพลังให้ตนเอง แล้วสุดท้ายสามีจะกลับมา ตนหลงเชื่อจึงปฏิบัติตาม
น.ส.เอ เล่าว่า โดยระหว่าที่ไปมาหาสู่กับหมอ ทุกครั้งที่ไปเจอ ตนจะต้องเสียค่าทำพิธีทุกครั้ง อีกทั้งยังถูกหลอกให้โอนเงินไปทำพิธีต่างๆ อีกหลายครั้ง โดยรวมๆ ตั้งแต่ต้นปี 2565-ปัจจุบันสูญเงินไปแล้วกว่า 14 ล้านบาท กระทั่งมาทราบข้อมูลว่า มีหญิงสาวอีกหลายรายถูกหลอกลักษณะเดียวกัน ไม่ต่ำกว่า 100 ราย จึงเห็นว่าเป็นภัยสังคมมากๆ จึงตัดสินใจเดินทางมาขอความช่วยเหลือดังกล่าว
นายเอกภพ กล่าวว่า หลังรับการร้องเรียน ได้แนะนำให้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ อาทิ สลิปการโอนเงิน แชตพูดคุยหมอดู และติดต่อผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่พร้อมร้องเรียน หาหลักฐานรวมตัวกันเข้าแจ้งความดำเนินคดี ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ต่อไป