มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากการถูกติดตามทวงหนี้ และได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีทุกประเทศทั่วโลก จนทำให้ “ผู้นำประเทศ” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ประกาศตั้งโต๊ะแถลงแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ 28 พ.ย. นี้ 

งานนี้ “หัวหน้าทีมนายกฯ เศรษฐา” นำ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย “จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์“ รมช.คลัง ”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล“ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ร่วมแถลงข่าวถึงแนวทางการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ และมาตรการของรัฐบาล ในการเร่งแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชน โดยกำหนดให้การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ถือเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของประเทศ และประชาชนรายย่อยจำนวนมาก ที่กำลังเผชิญความเดือดร้อนจากสถานการณ์หนี้สินที่รุนแรง

แน่นอนว่าเป็นความท้าทายความสามารถของ “รัฐบาลเศรษฐา” ไม่น้อย ในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เพราะถือเป็นไพ่ใบใหม่ของ “เพื่อไทย” และนายกฯ ที่หวังว่าทำออกมาแล้วจะสำเร็จ เป็นผลงานชิ้นโบแดงชิ้นใหม่ของรัฐบาล เพื่อช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องของประชาชน แบบถึงตัวประชาชนโดยตรง โดยเฉพาะคนรากหญ้า ผู้มีรายได้น้อย ในช่วงที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยังลูกผีลูกคน

ไฟต์บังคับรัฐบาลต้องเดินตามเกม เมื่อจบคิกออฟนโยบายแก้หนี้นอกระบบแล้ว ในวันที่ 12 ธ.ค. “ผู้นำประเทศ” ลุยทำผลงานโกยแต้มต่อ แถลงนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบ ดูทรงแล้วเศรษฐาเล่นใหญ่ ดันให้เรื่องการแก้ปัญหาหนี้เป็นวาระแห่งชาติ อีกหนึ่งนโยบายหลักของรัฐบาลเพื่อไทย แน่นอนวัดกึ๋นของนายกฯ ที่ต้องแบกความคาดหวังหนักอึ้ง ตามฟอร์มยี่ห้อเพื่อไทย ที่โชว์จุดขายในการบริหารเศรษฐกิจลดความเหลื่อมล้ำ

โดย “นายกฯ เศรษฐา” เปิดเผยว่า เรื่องใหญ่ที่พูดคุยกันคือ การแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยรวมทั้งหมด โดยแบ่งเป็นสองส่วน คือ หนี้นอกระบบ และหนี้ในระบบ โดยเรื่องหนี้นอกระบบนั้น จะแถลงในวันที่ 28 พ.ย. นี้ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการ ส่วนหนี้ในระบบนั้น ถือเป็นหนี้ใหญ่ด้วยเช่นกัน โดยจะมีการแถลงอีกครั้งในวันที่ 12 ธ.ค. เวลา 14.00 น. โดยจะเป็นการแถลงครบทั้งแพ็กเกจในการแก้ไขหนี้ในระบบ

จุดพลุแก้หนี้ทั้งระบบ ทั้งหนี้สินเกษตร หนี้กู้ยืมกองทุน กยศ. รวมถึงหนี้นอกระบบ ถ้ารัฐบาลทำได้จริง ช่วยปลดทุกข์ครั้งใหญ่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ ผ่านการโหมผลงานด้านเศรษฐกิจปากท้องประชาชน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ อันถือเป็นจุดแข็งของรัฐบาลเพื่อไทย โดยเฉพาะแผนล้างหนี้นอกระบบของรัฐบาล เป็นการตอกย้ำนโยบายเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ซึ่งอาจจะชูเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยด้วย.