ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ชิงไห่-ทิเบต เป็นที่ราบสูงที่สูงที่สุดในโลก อยู่เหนือระดับนํ้าทะเล ด้วยความสูงเฉลี่ย 4,000 เมตร จนได้รับฉายาว่า “หลังคาของโลก” (The Roof of the World) ที่นี่ “ทิเบต” เขตปกครองตนเองที่เต็มไปด้วยเทือกเขาที่มียอดเขาปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนตลอดทั้งปี อากาศหนาวเย็นมาก

ทิเบตได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีคุณภาพสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในระดับโลก ประจำปี 2019 โดยมีระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่นที่มีเสถียรภาพและสมบูรณ์อย่างมาก เพราะแทบจะไม่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมขึ้นในพื้นที่เลย ปลายปี 2019 ทิเบตได้จัดตั้งเขตอนุรักษ์ธรรมชาติรวม 47 แห่ง คิดเป็น 34.35% ของพื้นที่นับตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี่เป็นครั้งแรกที่กรมพัฒนาการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองทิเบต (Tibet Autonomous Region Department of Development) ร่วมกับบริษัท China Travel Service Head Office (Thailand) Corporation Limited บริษัทรัฐวิสาหกิจที่ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ก่อตั้งมานานถึง 90 ปี โดยดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยตามนโยบายของภาครัฐ จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกิจกรรมแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวในต่างประเทศ เพื่อเปิดเผยวัฒนธรรมของทิเบตและจีน ที่มีเอกลักษณ์ น่าค้นหา และมีทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงภูมิทัศน์ ที่อยู่ในพื้นที่ที่สูงที่สุดในโลก

โดยได้รับความร่วมมือจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงในการร่วมกันเพื่อดําเนินนโยบายตามข้อเสนอของรัฐบาลทิเบต ด้านการท่องเที่ยว ในการส่งเสริม และผลักดันให้มีการท่องเที่ยวในเขตปกครองตนเองทิเบต เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ณ มหานครปักกิ่ง

Shi Yu hui รองผู้อำนวยการ China Travel Service Head Office และ Dun Jidong รองผู้จัดการทั่วไป เผยว่า รู้สึกประทับใจที่งานครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และได้รับความสนใจจากทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย

ภายในงานมีการจัดกิจกรรมแนะนำทรัพยากรการท่องเที่ยวโดยรวมของเขตปกครองตนเองทิเบต พร้อมถ่ายทอดสดทิวทัศน์ในสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของทิเบต

แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินชื่อหรือเรื่องราวเกี่ยวกับ “พระราชวังโปตาลา” (Potala Palace) หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเขตปกครองตนเองทิเบต สร้างขึ้นมาในคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ซงจ้าน กัมโป เดิมทีเป็นป้อมและตำหนักเล็ก ๆ แต่ต่อมาก็ได้ใช้เป็นสถานที่ในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนในศาสนาพุทธ ปัจจุบันพระราชวังโปตาลากลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานสักการะ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ พระราชวังแดง ขาว และเหลือง

นอกจากพระราชวังโปตาลาแล้ว “วัดโจคัง” (Jokhang Temple) คือสถานที่สำคัญอีกแห่ง โดยเป็นวัดโบราณที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวทิเบต สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 โดดเด่นไปด้วยงานสถาปัตยกรรมที่ผสมผสาน ศิลปะอินเดีย ศิลปะจีนในสมัยราชวงศ์ถัง และศิลปะเนปาล

ขณะที่ “อารามซัมเย” (Samye Monastery) เป็นวัดแห่งแรกของศาสนาพุทธนิกายวัชรยานในทิเบต สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของลาซาประมาณ 200 กิโลเมตร บนฝั่งแม่นํ้ายาร์ลุงที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติ สร้างตามความเชื่ออินเดีย คือ มีวิหารหลักเปรียบดังเขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางของจักรวาล มีอาราม 4 ทิศ เปรียบเสมือนทวีปทั้งสี่ และมีอารามด้านนอกอีกแปดทิศ เป็นสัญลักษณ์ของประทีปในจักรวาล มีสถูปทางทิศเหนือและใต้ แทนพระอาทิตย์และพระจันทร์ ตัววิหารกลางมีสามส่วน
ส่วนล่างสุดเป็นสถาปัตยกรรมแบบทิเบต ส่วนกลางเป็นแบบจีน และส่วนบนเป็นแบบอินเดีย

“เบสแคมป์” ก่อนขึ้นยอดเขาเอเวอเรสต์ (Everest) ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก อยู่บนเทือกเขาหิมาลัย ช่วงเขตพรมแดนประเทศเนปาลและทิเบต ทำให้มีที่ตั้งของเบสแคมป์ก่อนขึ้นยอดเขา (Base Camp) 2 แห่ง คือ ฝั่งทิศใต้ เป็นฝั่งของประเทศเนปาล ต้องเดินขึ้นเขาไป แต่ฝั่งทิศเหนือจะเป็นฝั่งของทิเบตสามารถขับรถขึ้นไปได้ และอยู่ท่ามกลางธรรมชาติทิวทัศน์ที่สวยงามและกว้างใหญ่กว่า

ระหว่างทางไปเบสแคมป์จะพบกับ “อารามรงบุก” (Rongbuk) นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติและขุนเขา

“เขาไกรลาส” (Mount Kailash) ตั้งอยู่ในทิศตะวันตกของทิเบต มีความสูง 22,020 ฟุต จัดว่าเป็นยอดเขาสูงเป็นอันดับที่ 32 ของโลก และสูงเป็นอันดับที่ 19 ในบรรดาเทือกเขาหิมาลัย มีอายุกำเนิดถึงปัจจุบันกว่า 50 ล้านปี ชาวฮินดูเชื่อว่า ยอดเขาแห่งนี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่ประทับของพระศิวะ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ทำให้ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวมากมายที่เลื่อมใสในศาสนา ทั้งชาวพุทธและชาวฮินดูมาแสวงบุญด้วยการเดินเท้ารอบภูเขาไกรลาสเป็นระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร

“อาณาจักรกูเก” (Guge Kingdom) หรือ “กู่เก๋อ” ถ้าอ่านแบบภาษาจีน อาณาจักรโบราณที่ตั้งอยู่ในเขตซาด้า (Zhada) แคว้นงาริ (Ngari) ของทิเบตตะวันตก เคยเป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองถึงขีดสุดเมื่อ 1,000 ปีมาแล้ว ก่อนที่จะล่มสลายและสูญหายไปเมื่อเกิดสงครามทางศาสนา และการปฏิรูปทางวัฒนธรรมขึ้นในศตวรรษที่ 17 จนมาค้นพบอีกครั้งหนึ่งโดยชาวอิตาลี ปัจจุบันยังมีร่องรอยของสถาปัตยกรรมที่เหลืออยู่

“ทะเลสาบนัมโช” (Nam Tso Lake) หนึ่งในทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบตอยู่ห่างจากเมืองลาซาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 240 กิโลเมตร เป็นทะเลสาบนํ้าเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของจีน มีความยาวกว่า 70 กิโลเมตร กว้าง 30 กิโลเมตร ในช่วงฤดูร้อนนํ้าในทะเลสาบจะเป็นสีเขียวอมฟ้าตัดกับเทือกเขาหิมะเนียนเซ็นถังลา (Nyenchen Tanglha)

กลุ่ม Tibet Autonomous Region Department of Tourism Development มุ่งมั่นที่จะพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวทิเบต ในประเทศไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายที่สำคัญของการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และมีความต้องการที่หลากหลาย อันจะสามารถเชื่อมโยงความโดดเด่นของการท่องเที่ยวในทิเบต ทั้งมั่นใจว่า ทิเบตมีความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย และมีความหลากหลายในการท่องเที่ยว

การร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองในครั้งนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ผู้ที่สนใจท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองทิเบตได้เรียนรู้เกี่ยวกับทิเบตมากขึ้นเท่านั้น ยังเป็นการสานสัมพันธ์อันดีเพื่อร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป.

อธิชา ชื่นใจ