เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ตน พร้อมนายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงศ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และ น.ส.ระพิพรรณ วรรณพินทุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ รถโดยสารร่วมเอกชน ของ บริษัท ศรีสยาม เดินรถ จำกัด เสียหลักตกข้างทางบริเวณทางหลวงหมาเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) กม.331 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 32 ราย เสียชีวิต 14 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเข้าเยี่ยมและส่งมอบกำลังใจให้ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล (รพ.) ทับสะแก และ รพ.ประจวบคีรีขันธ์

กระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และได้กำชับ ขบ. และ บขส. ร่วมกันดูแลให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารอย่างเต็มที่ โดยผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยตามสิทธิ์ ซึ่ง ขบ. ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าประจำศูนย์ช่วยเหลือฯ อำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการคุ้มครองของประกันภัย ให้กับผู้โดยสารที่ประสบอุบัติเหตุ ณ โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้ให้ ขบ. และ บขส. ร่วมกับทางสภาวิศวกร, สถาบันยานยนต์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ดำเนินการสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุ โดยทาง AIT จะส่งทีมสอบสวนอุบัติเหตุในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้กระทรวงคมนาคม มีเป้าหมายลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน การดำเนินการสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เป็นการรวบรวมสถิติ และอุบัติเหตุเคสสำคัญที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นข้อเสนอแนะ ในการออกมาตรการและนโยบายของกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะถอดบทเรียน เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำอีกในอนาคต รวมทั้ง บขส. ได้เชิญ AIT เป็นที่ปรึกษา เพื่อประเมิน วิเคราะห์ ตรวจสอบ มาตรการเชิงปฏิบัติการ และความมั่นคงแข็งแรงของรถ Safety Audit ทั้งรถ บขส. และ รถร่วมบริการทั้งหมด

กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย และตั้งเป้าลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงฝากให้ บขส. และ ผู้ประกอบการรถร่วมทุกราย หมั่นตรวจเช็คความพร้อมของรถโดยสารอยู่เสมอ ก่อนนำมาให้บริการ, รถโดยสารทุกคันต้องมีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย เช่น เข็มขัดนิรภัย ถังดับเพลิง ทางออกฉุกเฉินและค้อนทุบกระจก ติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทาง (GPS) เป็นต้น และแนะนำให้มีการตรวจสุขภาพพนักงานขับรถทุกๆ 6 เดือน เพื่อประเมินความพร้อมและสมรรถนะทางร่างกายของพนักงานขับรถ และให้ ขบ. พิจารณาปรับการทดสอบสมรรถนะทางด้านการขับขี่ของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ จาก 3 ปี เป็น 1 ปี และเน้นย้ำให้ผู้ขับขี่รถโดยสารปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนเพิ่มเติม โดยจะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางในการออกมาตรการด้านความปลอดภัย ในการขับขี่บนท้องถนน และมีผลบังคับใช้ก่อนถึงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่จะถึงนี้