จัดเป็นพระเอกหนุ่มสุดหล่อแถวหน้าของวงการ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ที่ล่าสุดออกมาเปิดใจเล่าถึงเรื่องราวชีวิตทั้งในอดีตและปัจจุบัน เหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตไขว้เขว และอัปเดตความรักกับสาว จันจิ ที่คบหาดูใจกันมานานเกือบ 9 ปีแล้วมีแพลนแต่งงานหรือไม่ อยากมีลูกเมื่อไหร่ในรายการ WOODY FM แบบจัดเต็ม

มาริโอ้ เผยว่า “รักแห่งสยามที่ผมแสดงผ่านมาก็ประมาณ 16 ปีครับแห่งความหลังครับ (หัวเราะ) เป็นเรื่องแรกในชีวิตเลย ตอนแรกมีไปแคสต์ก่อนกับพี่นก สินจัยครับ แล้วผู้กำกับพี่มะเดี่ยวเขาก็บอกกับแม่ผมว่ามันต้องมีจูบกับผู้ชายนะ แม่ก็บอกว่า เฮ้ย! มันต้องมีอย่างงี้ด้วยเหรอ แล้วก็ถามว่าเขาให้ค่าตัวเท่าไหร่ ได้แสนเจ็ดซึ่งเยอะมากในตอนนั้น แม่ก็บอกเป็นฉัน ฉันจูบตั้งแต่ห้าหมื่นแล้ว (หัวเราะ) ยุคที่ผ่านมามันก็มีหลายแบบครับ ถ้าเป็นตอนเด็กๆ แฟชั่นมันก็จะไม่เหมือนยุคนี้ ที่จำแม่นเลยก็จะเป็นแฟชั่นฮิปฮอปครับ ยุค 90s โจอี้บอย, ไทยเทเนี่ยม, ดาจิม อะไรแบบนี้ ก็จะแต่งฮิปฮอปไปสยามครับ เหมือนอยู่นิวยอร์ก อยู่ LA เลยครับ ร้อนแต่ใจเรามันรักครับ (หัวเราะ) ส่วนเรื่องในปี 2551 ตอนนั้นการจากไปของคุณพ่อโดยกะทันหัน ทำให้เขวไปเยอะมาก ตอนนั้นก็ประมาณอายุ 20 เพิ่งเข้าวงการได้แค่ไม่นาน เข้าวงการมาตอนอายุ 18 ครับเริ่มเล่นหนังได้ 2 ปีคุณพ่อก็เสีย ผมสนิทกับพ่อมาก พ่อก็เหมือนเป็นพี่ชายเป็นพื่อนผมด้วย ก็เลยเศร้ามาก ตอนนั้นมันกำลังรุ่งมากครับแบบว่างานแสดงกำลังเพิ่งมาในวงการเลย แล้วพ่อก็จากไป ก็ทำให้เราเขวครับ คิดในใจว่าไม่อยากให้มันเกิดขึ้น รู้ว่าพ่อป่วยแต่ไม่คิดว่าจะไปเร็วขนาดนี้ เพราะช่วงนั้นเราก็ยุ่งอยู่ด้วยถ่ายงานอย่างเดียวเลย เขาก็อยู่ดูแลธุรกิจที่บ้านอยู่”

“เป้าหมายไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ แต่ว่าเหมือนมันเขว เหมือนเสาหลักเราหายไป อินสไปเรชั่นของผมก็มาจากแกหลายๆ อย่าง พอแกไปผมก็รู้สึกว่า ผมจะไม่ให้มันหายไป จะทำเหมือนแกยังอยู่ เช่น ทำงานและทำความฝันของพ่อกับผมให้สำเร็จ ความฝันของพ่อ เล่นรถเก่าครับ ผมก็ยังทำสิ่งนั้นอยู่ ขับรถเก่าอะไรแบบนี้ คนเขาก็บอกว่าเปลืองตังค์อะไรแบบนี้ แต่ขับแล้วผมคิดถึงพ่อแล้วมีความสุข พาแม่ผมขับแทนพ่อ เพราะรถแต่ละคันที่ผมเก็บคือรถที่เราคุยกันตั้งแต่เด็กครับ คือเขาโตในยุคนั้นเวลาเขาขับก็คือเป็นยุคเขา อย่างเขาขับ Volkswagen Karmann Ghia เขาก็จะเล่าให้ฟังตลอด ว่าขับพาสาวไปเที่ยวอิตาลี ไปโน่นนี่สนุกมาก ขับ Alfa Romeo 101 อะไรอย่างนี้ เปิดประทุนเป็นรถที่ดีมากเลย แกก็ชอบเล่าให้ฟัง ผมก็ไปหาจนได้แต่ละคันที่แกเล่า รถพ่อมีเป็น 10 ครับ ต้องดูแลหมดเลยครับเปลี่ยนน้ำมัน ดูยาง ดูอะไหล่ ต้องคอยวอร์ม ต้องขับเขา เหมือนมีลูก 10 คนครับ ต้องคุยกับเขาทุกวัน เป็นไงลูกวันนี้ดื้ออีกแล้วเหรอ ลูกเอ้ย! ตื่นเถอะ หลับทำไมเนี่ย (หัวเราะ) คันที่รักที่สุดคือคันแรกแล้วกันครับ เคยนั่งดูฝรั่งเขาบอกว่าคุณขายรถคันไหนก็ได้ แต่อย่าขายคันแรกที่ได้มาแล้วกัน คันนั้นคือ Beetle ปี 1962 ครับ ชื่อน้องย้วย ซื้อวันแรกน้องย้วยนี่ก็พวงมาลัยหลุด อะไหล่ก็จะตายอยู่แล้วครับวันแรก ล่าสุดก็พาน้องย้วยไปเบตงมาครับ ขับไปทะเล ขับไปอะไรแบบนี้ครับ จะขับจนกว่าจะขับมันไม่ไหวแล้วถึงจะขาย”

มาริโอ้ เผยว่า “เรื่องคุณแม่ตอนนี้ก็สบายดี ก็รันโรงงานเองทั้งหมด แม่ผมเป็นคนลุยพี่วู้ดดี้ เป็นคนเฮฮา เอนเนอจี้เขาเยอะกว่าผมอีก แม่ผมปีนี้ 72 แล้วครับแต่เขาสุดมากๆ เต็มที่ เขาเป็นคนสู้ ทุกวันนี้เขาปวดหลังเขาก็นั่งรถไฟฟ้าไปทำกายภาพด้วยตัวเอง กลับบ้านเอง เวลาอยู่บ้านผมจะจัดบ้าน ถูบ้านไปเรื่อยครับ เก็บของเล่น ไม่มีแม่บ้านทำเองครับ แต่ก็มีบ้างบางอาทิตย์ก็ให้คนมาช่วย ส้วมก็ขัดเองครับ เสื้อผ้าตอนนี้ก็กำลังเรียนรู้ที่จะซักเองครับ กับจันจิคบกันมาจะ 9 ปีแล้วครับ ก็ผ่านอะไรกันมาเยอะ งอนกันไม่เข้าใจกันหลายอย่างคือเขาเป็นคนง่ายๆ ครับ แล้วก็ลุยๆ เหมือนเรา แล้วก็ทำงานเยอะเหมือนเราด้วย ก็เลยเข้าใจกันง่าย บางทีไม่ต้องพูดอะไรกันเยอะเขาก็รู้ว่าเราแค่นี้นะไม่ได้อยากออกไปไหนอะไรอย่างงี้ครับ ต่างคนต่างเหนื่อยอะครับ เขาก็ทำงานเยอะ ผมก็ทำงานเยอะ บางทีเขาก็มีความต้องการ ผมก็มีความต้องการของผมที่แบบว่าอยากจะไปเที่ยวตรงนี้ที่อยากไป แต่เขาก็อยากไปดูอย่างอื่นไง จะไปทานข้าวแต่เรายังจะไปชอปปิงอยู่ เดี๋ยวนี้ก็ไปคนละครึ่งครับ ไปกินก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยช้อปต่อ (หัวเราะ)”

“สิ่งที่ชอบจันจิคงเป็นความง่ายๆ สบายๆ ของเขา และเขาก็เป็นคนที่คอยเป็นห่วงเราตลอด ถ้าเราไม่ค่อยสบายเขาก็จะมาดูแล เวลาผมป่วยเขาก็จะไปเป็นเพื่อนตลอด ก็ลุยกันมาหมดอะครับ ผมก็รถเก่าเยอะเขาก็เจอมาหมดทุกสิ่ง (หัวเราะ) คนเข็นรถ เพราะถ้าผมให้เขาไปบังคับบางทีเดี๋ยวกลัวชน เขาบอกไม่เป็นไรขอเข็น ผมก็สงสารเพราะคนอื่นมองมาไม่ดีครับ โอ้ให้แฟนเข็นรถ เข็นบ่อยด้วย (หัวเราะ) บางทีก็เคยไปพังอยู่บนสะพาน ถามว่าผมคลั่งรักไหมก็ไม่ขนาดนั้นนะครับ ไม่ได้ถึงกับคลั่งรักก็คิดว่าทุกคนต้องมีความรัก แต่ไม่ถึงกับไม่มีไม่ได้ เวลาอยู่ด้วยกันมีเสียงสองไหม มีหลายเสียงฮะ ผมก็มีวาไรตี้ของเสียงเหมือนกัน บางทีก็จะมีเสียงแบบว่า อาแอ๊ด สมบัติ อะครับหล่อๆ หน่อย จันจิไปไหนเหรอฮะวันนี้ เล่นมุกอะไรแบบนี้ครับ (ยิ้ม) แล้วก็มีเสียงเล็กๆ แกล้งๆ กัน เขาเองมีเยอะ หลายเสียงเลย เรื่องแต่งงานสื่อถามบ่อยมากครับ ผมก็บอกว่ายังไม่ได้รีบเลย ไม่ได้รีบร้อนต้องแต่งตอนนี้ ตัวน้องเขาเองก็ไม่ได้รีบร้อน ก็ค่อยๆ ไป สร้างเนื้อสร้างตัวไปครับ มันก็ควรมีสำหรับผู้หญิงแค่เรายังไม่ได้รีบครับ จริงๆ ผมรู้สึกว่ามันก็เป็นอะไรที่มันก็ต้องคิดแล้วครับ เพราะว่าเราก็อายุเยอะขึ้นทุกวัน ผมแค่คิดว่าถ้าสำหรับผมในการที่มันจะต้องแต่งก็คือเรื่องของอายุครับ เพราะว่าพ่อมีผมช้าถึงจากไปเร็ว เลยรู้สึกว่าถ้าผมได้เป็นพ่อคนอยากอยู่กับเขานานๆ ก็เลยถ้าเป็นไปได้พร้อมก็จะต้องลุย ผมอยากมีนะครับ มนุษย์เราก็มีหลายปัจจัย บางคนก็บอกว่าเลี้ยงเด็กยุคนี้เหนื่อยนะ แต่ผมรู้สึกว่าคือผมเห็นพ่อเลี้ยงผมมา แม่ผมเลี้ยงผมมา พ่อผมไปรับผมที่โรงเรียนทุกวันเลยนะพี่วู้ดดี้ยันผม ม.5-ม.6 เลย มันเป็นอะไรที่อบอุ่นครับ แล้วก็ยังจำได้ทุกวันเลยว่ามันเป็นโมเมนต์ที่นั่งรถมากับพ่อตอนเช้าพ่อมารับตอนเย็นอะไรอย่างงี้ ผมว่ามันเป็นโมเมนต์พ่อลูกน่ารัก”