สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ว่ากองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่านับตั้งแต่เปิดฉากปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา เมื่อปลายเดือนต.ค. ที่ผ่านมา มีทหารอิสราเอลเสียชีวิตในสมรภูมิแล้วอย่างน้อย 101 นาย และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 600 นาย


ขณะที่ปฏิบัติการโจมตีทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา เกิดขึ้นมากกว่า 250 แห่ง ตั้งแต่ภาคเหนือจดภาคใต้ ภายในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุดของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเป้าหมายที่ถูกทำลายรวมถึง โครงสร้างอุโมงค์ใต้ดิน และเครือข่ายการติดต่อสื่อสารของกลุ่มฮามาส


ด้านกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา เพิ่มเป็นประมาณ 18,000 รายแล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่อิสราเอลยกระดับปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซา ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในอิสราเอลอยู่ที่ราว 1,200 ราย

ขบวนรถถังของอิสราเอลเดินทางออกจากฉนวนกาซา กลับเข้ามายังพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอล


ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อน “จุดเริ่มต้นของจุดจบ” สำหรับกลุ่มฮามาส และทางเลือกของอีกฝ่ายที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ “ยอมแพ้สถานเดียว”


อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์ว่า อิสราเอลจะไม่มีทางได้รับตัวประกัน “ในสภาพที่ยังมีชีวิต” หากเงื่อนไขของกลุ่มฮามาส เกี่ยวกับการเจรจาเรื่องนักโทษชาวปาเลสไตน์ “ไม่ได้รับการตอบสนอง”


ทั้งนี้ อิสราเอลควบคุมตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ราว 7,000 คน อยู่ในเรือนจำที่เขตเวสต์แบงก์ และฝั่งตะวันออกของเมืองเยรูซาเลม ส่วนกลุ่มฮามาสยังคงควบคุมตัวประกันไว้อีก 137 คน นับตั้งแต่สงครามกับอิสราเอลปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา แบ่งเป็นชาวอิสราเอล 126 คน โดยบางส่วนอาจถือสองสัญชาติ ชาวไทย 8 คน ชาวเนปาล 1 คน ชาวแทนซาเนีย 1 คน และชาวฝรั่งเศสเชื้อสายเม็กซิกัน 1 คน


ด้านชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน อัล-ธานี นายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศกาตาร์ กล่าวว่า โอกาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่ “ริบหรี่” เนื่องจากอิสราเอลและกลุ่มฮามาส “ยังไม่มีความสนใจ” ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า การสงบศึกในฉนวนกาซา “ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลวอชิงตัน” แต่เป็นอิสราเอล.

เครดิตภาพ : AFP