เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีต ผบก.น.1 และนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แสดงความเห็นผ่านรายการ “โหนกระแส” ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย ถึงศาลจังหวัดมุกดาหาร อ่านคำพิพากษาคดีการเสียชีวิตของ น้องชมพู่ ว่า นายไชย์พล หรือ ลุงพล มีความผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้จำคุก 10 ปี และฐานพรากเด็กไปจากบิดามารดา ให้จำคุก 20 ปี และยกฟ้อง น.ส.สมพร หรือ ป้าแต๋น

โดย อ.ปรเมศวร์ ได้เผยว่า เรื่องนี้อย่างแรกเลย คือ ผบ.ตร. สอบสวนเอง กว่าจะตั้งข้อหา ต้องรอการชันสูตรพลิกศพเกือบปี จนอยู่มาวันหนึ่ง ก็แจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์, ทอดทิ้งเด็ก และทำลายศพ พอบอกว่าพรากผู้เยาว์ ผมถึงได้นึกออกว่าต้องมีคนเห็นเด็กคนสุดท้าย ต้องเห็นลุงพล หรือมีพยานแวดล้อมชี้ชัดสุดท้ายว่าลุงพลต้องเกี่ยวข้อง ไม่งั้นตั้งข้อหาพรากผู้เยาว์ไม่ได้ เราเห็นตรงกันมาตลอดว่า เป็นการตัดสินที่เต็มแม็กซ์แล้ว

ส่วน พล.ต.ท.เรวัช เผยว่า ผมมองไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจมาก ก็รู้อยู่แล้วว่าไอ้ลุงพลมันเป็นคนก่อเหตุ พวกเราฟันธงกันอยู่แล้ว การจะทำให้อัยการเชื่อ ต้องไปหาพยานบุคคลเพิ่มเข้ามา ถึงจะเป็นพยานพฤติเหตุ บอกเลยว่ายังไงก็ติด และการที่ศาลลงว่าประมาท เป็นการลงโทษที่เต็มแม็กซ์เลย

ในช่วงหนึ่งของรายการ ได้มีการย้อนภาพเก่า เมื่อครั้งลุงพลเดินขึ้นเขาภูเหล็กไฟ ไปเจอร่างของน้องชมพู่เป็นคนแรก ลุงพลก็ได้ปล่อยโฮออกมา พร้อมบอกว่า ให้ตามจับคนร้าย ต้องมีคนพาน้องมา น้องมาเองไม่ได้แน่นอน ให้ทุกคนตามจับคนร้าย และยังได้ย้อนภาพเมื่อครั้ง ลุงพล มาออกรายการโหนกระแสครั้งแรก ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ ปรากฏว่ามีผลชันสูตรออกมาว่า พบร่องรอยฉีกขาดที่อวัยเพศของน้องชมพู่ และพบของเหลวบางอย่าง แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นอสุจิ ทำให้ลุงพลถึงกับปล่อยโฮออกมา

ซึ่งทาง พล.ต.ต.วิชัย ยังได้เผยถึงภาษากายของลุงพล จากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยว่า คนที่กระทำความผิดต้องแสดงอาการหรือหลักฐานเพื่อป้องกันตัวเองมากที่สุด มาบอกว่ามีคนร้ายรูปร่างอย่างไร ให้ล้อมจับอย่างนี้ก็โกหกแล้ว ผมวิเคราะห์อยู่แล้วว่า คนที่ร้องไห้ด้วยความสุดซึ้ง หรือโกหกนั้น มันแตกต่างอยู่แล้ว มันเป็นหลักฐานของอาชญากรที่จะทำให้ตัวเองรอด อีกทั้งตอนที่เจอศพ พนักงานสอบสวนบอกว่าแสดงอาการพิรุธที่สุด ก่อนจะเจอก็พยายามเดินย่ำให้มาก จะได้อ้างว่ามาเดินตอนตามหา และปกติเวลาจะไปไหน เขาจะขับรถไปที่ๆ หนึ่งตลอด แต่หลังจากเกิดเหตุ เวลาขับรถก็จะชะโงกหน้าออกมา เพื่อให้คนเห็นว่าอยู่ที่ไหน เนี่ยแหละคือพฤติกรรมของคนร้าย ที่จะทำให้ตัวเองพ้นผิด ส่วนการที่ร้องไห้หลังรู้ผลชันสูตรนั้น มองว่าเขาดีใจ ที่ตัวเองจะพ้นผิด เพราะว่าไม่ได้ไปล่วงละเมิดทางเพศน้องมากกว่า คิดว่าตอนนี้ถ้าไปถึงศาลอุทธรณ์ก็ลำบาก เพราะศาลวิเคราะห์ละเอียดมาก

อ.ปรเมศวร์ ได้วิเคราะห์ว่า ดูแล้วยังร้องไห้ได้ไม่เต็มปากเต็มคำ ถ้าจะร้องก็ควรจะร้องตั้งแต่แรก ไม่ได้ร้องตอนรู้ผลชันสูตร มองว่าไม่ใช่ ดูไม่ค่อยสมบทบาทเท่าไหร่

ส่วนแนวทางคดีหลังจากนี้ พล.ต.ท.เรวัช ชี้ว่า แนะนำให้พ่อแม่น้องชมพู่ไปยื่นคัดค้านการประกันตัว เพราะลุงพลมีเอฟซีเยอะ มียูทูบเบอร์เป็นพรรคพวก หากได้ประกันตัวออกมา ก็อาจจะไปทำอะไรให้ครอบครัวผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อน มองว่า ณ เวลานี้ ลุงพลมีเงินแล้ว เขารู้ตัวว่าตัวเองผิดหรือถูก แบบนี้หนีดีกว่า อาจจะไปเป็นดาราที่ประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ เพราะมียูทูบเบอร์ มีกระแสอยู่แล้ว เห็นแล้วหมั่นไส้ เป็นผู้ต้องหาแต่ไม่รู้จักผิด ไม่อยากให้นักโทษชายมาเป็นเซเลบ เด็กก็จะเอาอย่าง ไม่เข้าท่า

พล.ต.ต.วิชัย ได้กล่าวเสริมถึงเอฟซีลุงพล ที่มองว่าเป็นแพะในคดีนี้ว่า คุณไม่ลองมองตัวเองบ้างเหรอว่าคุณโง่ คุณไปเชื่อแบบนี้ไม่โง่หรือ ไม่เชื่อในหลักกฎหมาย มองแต่ลุงพลเป็นคนดี พร้อมยังโต้กลับด้วยว่า มาบอกว่าเราหากินกับคนตกอับ แต่เราวิเคราะห์ตามหลักการ ตามประสบการณ์ที่ทำงานมา ศาลก็ตัดสินอย่างที่เราพูดมาตลอด ไม่ได้คิดชั่วกับเขา ฝากถึงสังคม อย่าเอาคนไม่ดีมาเป็นฮีโร่ ให้ใช้สมอง ใช้สติ

อ.ปรเมศวร์ ได้ทิ้งท้ายว่า ขอแนะนำให้ทางครอบครัวน้องชมพู่ ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์ก่อนเลย ลุงพลรวยแล้วนี่ ทางทนายโจทก์ร่วมยื่นดำเนินการได้เลย ส่วนเรื่องประกันตัวคิดว่าไม่ได้ เพราะหนึ่งเลยคือคุก 20 ปี ที่สำคัญเลยคือยูทูบเบอร์และพฤติการณ์ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ตัดสินครั้งที่แล้ว ก็มีการรบกวนการตัดสินของศาลอีก ผมคิดว่าอีกประมาณ 2 ปี จะจบถึงขั้นฎีกาแน่นอน ส่วนที่มีคนมาโต้ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล คุณไม่เห็นด้วยได้นะ แต่จะบอกว่าศาลตัดสินผิดไม่ได้ ไปดูคำพิพากษาจะชัดว่า ศาลท่านวิเคราะห์อย่างไร นั่นแหละเหตุผล ใครจะวิจารณ์ไปอ่านให้จบก่อน ไม่ใช่ไปบอกว่าศาลตัดสินผิด ลุงพลเป็นแพะ ก็ระวังจะละเมิดอำนาจศาลเอานะ..