เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่สถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 (PK08) เพื่อตรวจเยี่ยม และทดลองเดินรถ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ช่วงสถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 (PK08) ถึงสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01)ว่า จากการร่วมนั่งทดลองเดินรถใน 7 สถานีที่ถูกปิดบริการชั่วคราว ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์รางนำไฟฟ้า (conductor rail) รถไฟฟ้าสายสีชมพูร่วงหล่นบนถนนเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา ยืนยันว่าขณะนี้การเดินรถทั้ง 7 สถานีมีความปลอดภัย 100% และพร้อมที่จะให้บริการ และสามารถเปิดให้บริการได้ครบทั้ง 30 สถานีแล้ว โดยในคืนวันที่ 31 ธ.ค. นี้ ประชาชนสามารถใช้บริการได้ถึงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 67

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า เวลานี้สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว เพียงแต่ช่วง 4 สถานี ตั้งแต่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) ถึง สถานีสามัคคี (PK04) จะเปิดใช้ทางรถไฟฟ้าได้เพียงฝั่งเดียวก่อน ซึ่งจากการตรวจสอบปริมาณผู้โดยสารที่ใช้ช่วงดังกล่าวในช่วงเวลาที่ผ่านมา พบว่า 4 สถานีนี้มีผู้ใช้บริการประมาณ 10% ของจำนวนผู้โดยสารสายสีชมพู จึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการซ่อมแซมรางนำไฟฟ้านั้น ขณะนี้ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานโครงการฯ อยู่ระหว่างเร่งรัดแก้ไข คาดว่าจะแล้วเสร็จเร็วๆ นี้

“ตามที่ได้ตกลงกับประชาชนไว้ว่าจะชดเชยโอกาสที่สูญเสียไปจากการทดลองนั่งฟรีใน 7 สถานี ดังนั้นในวันที่ 3 ม.ค. 67 ซึ่งเป็นกำหนดการเดิมที่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์แบบเก็บค่าโดยสาร ทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ NBM จะยังคงไม่เก็บค่าโดยสาร แต่จะเริ่มเก็บค่าโดยสาร 26 สถานี ตั้งแต่สถานีกรมชลประทาน (PK05)-สถานีมีนบุรี (PK30) ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 67 ส่วนอีก 4 สถานี ตั้งแต่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) ถึงสถานีสามัคคี (PK04) จะยังคงให้บริการฟรีจนกว่าจะซ่อมรางนำไฟฟ้าแล้วเสร็จ ทั้งนี้ ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด และวินวินกับทุกฝ่าย” รมช.คมนาคม กล่าว

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริหาร NBM ให้สัมภาษณ์ “ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” ว่า 4 สถานีที่ต้องวิ่งฝั่งเดียวก่อนนั้น อาจต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15-20 นาที เพราะต้องลงมาเปลี่ยนขบวนรถที่สถานีกรมชลประทานด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับการซ่อมแซมรางนำไฟฟ้านั้น ขณะนี้ในส่วนของอะไหล่ที่เป็นตัวยึดส่งมาทางเครื่องบินได้ครบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงตัวรางที่ต้องรอการจัดส่งทางเรือ อาจะต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย เบื้องต้นจะใช้รางสำรองที่มีอยู่ดำเนินการซ่อมแซมไปก่อน หากใช้ได้และไม่มีปัญหาอะไร คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณวันที่ 15 ม.ค. 67 แต่หากใช้การไม่ได้ และต้องรอรางที่ส่งมาทางเรือ คาดว่าจะซ่อมแซมแล้วเสร็จประมาณปลายเดือน ม.ค. 67

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงการเก็บค่าโดยสาร 26 สถานี ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. 67 บริษัทฯ จะมอบส่วนลดค่าโดยสาร 15% จะเก็บในอัตรา 13-38 บาท จากอัตราเดิมที่จะต้องเก็บ 15-45 บาท โดยจะเก็บในอัตรานี้ จนกว่าจะซ่อมแซมรางนำไฟฟ้าแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ในการเดินรถจะใช้ความถี่ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน (peak) 5 นาที/ขบวน ส่วนนอกช่วงเวลาเร่งด่วน 10 นาที/ขบวน โดยจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 24.00 น. ยกเว้นคืนวันที่ 31 ธ.ค. 66 เปิดบริการถึง 02.00 น. สำหรับการเก็บค่าโดยสารนั้น ผู้โดยสารที่ซื้อบัตรโดยสารจากเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น สายสีชมพู สายสีเหลือง หรือสายสีเขียว รวมถึงใช้บัตร Rabbit จะสามารถซื้อตั๋วครั้งเดียว และเดินทางร่วมกันได้ทั้งหมดทุกสาย เพราะเป็นผู้ให้บริการเดินรถรายเดียวกัน ทำให้การเดินทางของประชาชนสะดวกสบายมากขึ้น

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้โดยสารสายสีชมพูที่ใช้บัตร EMV และต้องการเดินทางเชื่อมต่อสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งขณะนี้ได้เปิดให้ใช้บริการทางเชื่อมที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุแล้ว ผู้โดยสารจะต้องแตะบัตร EMV ออกจากระบบของสายสีชมพูก่อน และจะต้องซื้อตั๋วโดยสารของสายสีเขียว เพื่อเข้าสู่ระบบสายสีเขียว เนื่องจากปัจจุบันสายสีเขียว ยังไม่สามารถใช้บัตร EMV ได้ อยู่ระหว่างเจรจากับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทั้งนี้ ค่าโดยสารสายสีเขียวจัดเก็บสูงสุดอยู่ที่ 62 บาท.